กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ตรวจพบข่าวปลอมรายสัปดาห์ ที่ประชาชนให้ความสนใจสูงสุดอันดับที่ 1 เรื่อง “ลมพิษเกิดจากการบูดเน่าของอาหารในลำไส้ ในช่วงเวลาอากาศเปลี่ยน ทำให้ร่างกายเกิดความแปรปรวน” รองลงมาคือเรื่อง “คิงเพาเวอร์ประกาศปิดทุกสาขาอย่างไม่มีกำหนด” โดยขอให้ประชาชน อย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เลือกเชื่อ เลือกแชร์ ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ หวั่นสร้างความสับสน เข้าใจผิด ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประชาชนในสังคมเป็นวงกว้าง

นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) ในฐานะโฆษกกระทรวงดีอี กล่าวถึงผลการมอนิเตอร์และรับแจ้งข่าวปลอมของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 5 ธันวาคม 2567 พบข้อความที่เข้ามาทั้งหมด 833,092  ข้อความ โดยมีข้อความที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ (Verify) ทั้งสิ้น 534 ข้อความ

สำหรับช่องทางที่มีการพบเบาะแสมากที่สุด คือ ข้อความที่มาจาก Social Listening จำนวน 518 ข้อความ ตามมาด้วยการแจ้งเบาะแสผ่าน Line Official จำนวน 12 ข้อความ Website จำนวน 4 ข้อความ รวมเรื่องที่ต้องดำเนินการตรวจสอบทั้งหมด 192 เรื่อง และจากการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับผลการตรวจสอบกลับมาแล้ว 68 เรื่อง 

ทั้งนี้ กระทรวงดีอี ได้แบ่งข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจเป็น 5 กลุ่ม ประกอบด้วย

กลุ่มที่ 1 : นโยบายรัฐบาล ข่าวสารทางราชการ ความสงบเรียบร้อยของสังคม ขัดศีลธรรมอันดี และความมั่นคงภายในประเทศ จำนวน 103 เรื่อง 

กลุ่มที่ 2 : ผลิตภัณฑ์สุขภาพ วัตถุอันตราย เครื่องสำอาง รวมถึงสินค้าและบริการที่ผิดกฎหมายจำนวน 37 เรื่อง

กลุ่มที่ 3 : ภัยพิบัติ จำนวน 16 เรื่อง 

กลุ่มที่ 4 : เศรษฐกิจ จำนวน 14 เรื่อง 

กลุ่มที่ 5 : กลุ่มอาชญากรรมออนไลน์ จำนวน 22 เรื่อง

นายเวทางค์ กล่าวต่อว่า เมื่อพิจารณาจากข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจในลำดับต้นๆ ในสัปดาห์นี้ พบว่าเป็นข่าวเกี่ยวกับสุขภาพ และหน่วยงานของรัฐ รวมถึงเรื่องภัยพิบัติ ซึ่งมีผลกระทบต่อสังคมส่วนใหญ่ อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิด วิตกกังวลได้ โดยข่าวที่ได้รับความสนใจจากประชาชนมากที่สุด 10 อันดับ ได้แก่

อันดับที่ 1 : เรื่อง ลมพิษเกิดจากการบูดเน่าของอาหารในลำไส้ ในช่วงเวลาอากาศเปลี่ยน ทำให้ร่างกายเกิดความแปรปรวน

อันดับที่ 2 : เรื่อง คิงเพาเวอร์ประกาศปิดทุกสาขาอย่างไม่มีกำหนด

อันดับที่ 3 : เรื่อง ใบหน้าบวม ปลายจมูกแดง เป็นสัญญาณเตือนว่าหัวใจกำลังทำงาน

อันดับที่ 4 : เรื่อง รัฐบาลเตรียมประกาศงดเทศกาลปีใหม่ เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิดเดลตาครอล XBC

อันดับที่ 5 : เรื่อง ธนาคารออมสินปล่อยสินเชื่อออมสิน เปิดให้ยืม วงเงินขั้นต่ำ 10,000 บาท

อันดับที่ 6 : เรื่อง ธ.ก.ส. ลงมติยกเลิกการตรวจสอบเครดิตบูโร แบล็คลิสต์ เพื่อช่วยเหลือคนไทยทุกอาชีพ

อันดับที่ 7 : เรื่อง อาการง่วงนอน ท้องอืดทุกครั้งหลังกินข้าวมักพบในผู้ที่เลือดไม่สมบูรณ์

อันดับที่ 8 : เรื่อง PEA เปิดรับแจ้งปัญหาเปลี่ยนมิเตอร์ไฟ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ผ่านไลน์การไฟฟ้าซ่อมบำรุงPEA

อันดับที่ 9 : เรื่อง เพจเฟซบุ๊กชื่อ ร.ร.กิตติวิทยา จ.ตราด กิตต์ นิรันต์พานิช เป็นเพจของโรงเรียนกิตติวิทยา อ.เมืองตราด จ.ตราด

อันดับที่ 10 : เรื่อง พายุฟิลิปปินส์ลูกที่ 2 เข้าไทยแล้ว และยังมีอีกลูกที่ 3

“เมื่อพิจารณาจากข่าวปลอมที่ประชาชนสนใจมากที่สุด จาก 10 อันดับข้างต้น พบว่าเป็นข่าวที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานรัฐ สุขภาพ และภัยพิบัติ ซึ่งทั้งหมดมีผลกระทบต่อประชาชน ทำให้เกิดความเข้าใจผิด ความวิตกกังวล ส่งผลกระทบกับประชาชนทั่วประเทศเป็นวงกว้าง หากมีการแชร์ส่งต่อกันไปในสังคม” นายเวทางค์ กล่าว 

สำหรับอันดับ 1 เรื่อง “ลมพิษเกิดจากการบูดเน่าของอาหารในลำไส้ ในช่วงเวลาอากาศเปลี่ยน ทำให้ร่างกายเกิดความแปรปรวน” กระทรวงดีอี ได้ประสานงานร่วมกับโรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ชี้แจงว่า จากข้อมูลที่กล่าวมาไม่สอดคล้องกับหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ หรืองานวิจัยที่น่าเชื่อถือ และข้อมูลดังกล่าวยังพิสูจน์ไม่ได้ด้วยหลักฐานเชิงประจักษ์ในปัจจุบัน 

โรคลมพิษ (urticaria) เป็นโรคผิวหนังที่มีลักษณะผื่นนูนใหญ่ สาเหตุนั้นมีหลาย อย่างเช่น ภูมิแพ้ (อาหาร ยา ฝุ่นละอองต่างๆ) โรคภูมิแพ้ตัวเอง (autoimmune diseases) ภาวะติดเชื้อ เป็นต้น แต่มีกลุ่มผู้ป่วยลมพิษที่ไม่พบสาเหตุที่แน่ชัด และตรวจหาไม่พบสาเหตุ ส่วนปัจจัยกระตุ้นนั้นมีมากมาย เช่น อุณหภูมิ สิ่งแวดล้อม อาหาร ยา ความเครียดทางอารมณ์ เป็นต้น จึงทำให้มีการกำเริบของอาการผื่นลมพิษได้เมื่อมีปัจจัยเกื้อหนุนดังกล่าว 

ดังนั้นขอเตือนให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่งหรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ โดยประชาชนที่สนใจสามารถรับข้อมูลข่าวสารจากโรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ที่เว็บไซต์ www.rajavithi.go.th หรือโทร. 02 206 2900

ด้านข่าวปลอม อันดับ 2 “คิงเพาเวอร์ประกาศปิดทุกสาขาอย่างไม่มีกำหนด”  กระทรวงดีอี ได้ตรวจสอบข้อมูลและขอชี้แจงว่า ข่าวดังกล่าวเป็นข่าวปลอม ซึ่งบริษัท คิงเพาเวอร์ยังไม่มีการประกาศปิดสาขาแต่อย่างใด ดังนั้นขอเตือนให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ และโดยประชาชนสามารถรับข้อมูลข่าวสารจากศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย ได้ที่เว็บไซต์ https://www.antifakenewscenter.com/homepage/

อย่างไรก็ตาม ดีอี มีความห่วงใยประชาชน เรื่องความตระหนักรู้เท่าทันข่าวปลอมที่ถูกแพร่กระจายบนสื่อออนไลน์ โซเชียล ซึ่งหากขาดความรู้เท่าทัน ส่งต่อข้อมูลข่าวปลอม ทำให้เกิดการหลงเชื่อ สร้างความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สิน หรือข้อมูลส่วนบุคคล และอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนในสังคมเป็นวงกว้าง ดังนั้นจึงควรตรวจสอบข้อเท็จจริงของข่าวหรือลิงก์เว็บไซต์ให้แน่ชัด

สามารถแจ้งเบาะแส ข่าวปลอม และอาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบ โทรสายด่วน 1111 (24 ชม.) 
|  Line ID: @antifakenewscenter | เว็บไซต์ www.antifakenewscenter.com