บุรีรัมย์ ไร้ปาฏิหาริย์ ทารกเคราะห์ร้าย ไหปลาร้าหักจากการทำคลอด ติดเชื้อรุนแรง เสียชีวิตแล้ว ครอบครัวสุดเศร้า

คืบหน้าล่าสุด ไร้ปาฏิหาริย์ ทารกที่เพิ่งคลอดได้ 10 กว่าวัน แต่ไหปลาร้าหักและติดเชื้อจากการช่วยทำคลอดของ รพ.ที่บุรีรัมย์ ได้เสียชีวิตแล้วเมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. หลังมีอาการไตวาย ปัสสาวะไม่ออก หัวใจเต้นช้า พ่อแม่และครอบครัวช็อกทำใจไม่ได้ เตรียมเดินหน้าเรียกร้องความรับผิดชอบ

7 ธ.ค 67 ผู้สื่อข่าวรายงาน ความคืบหน้ากรณีที่ น.ส.อารีย์ยา (ขอสงวนนามสกุล)  อายุ 23 ปี ซึ่งตั้งครรภ์ท้องแรกไปคลอดด้วยวิธีธรรมชาติ ที่ รพ.แห่งหนึ่งใน จ.บุรีรัมย์  เมื่อวันที่ 23 พ.ย.67 ที่ผ่านมา ได้ลูกสาวน้ำหนัก 3,100 กรัม  หลังจากคลอดเด็กมีอาการตัวเหลืองและหัวใจเต้นผิดปกติ หมอจึงให้อยู่ในตู้อบที่ รพ. ส่วนแม่อนุญาตให้กลับบ้าน แต่ให้แม่มาให้นมลูกที่ รพ.ตลอด ต่อมาวันที่ 2 ธ.ค.67 หมอแจ้งว่าลูกที่คลอด อายุได้ราว 10 วัน ไหปลาร้าข้างขวาหัก สร้างความงุนงงให้กับพ่อและแม่เป็นอย่างมาก เพราะหลังคลอดลูกอยู่ รพ.ตลอด จากนั้นวันที่ 3 ธ.ค.67 หมอแจ้งอีกว่าลูกติดเชื้อขั้นรุนแรง ถ่ายเป็นเลือด ก็ยิ่งสร้างความคาใจให้กับครอบครัวมากขึ้น

จากนั้นช่วงบ่ายวันที่ 4 ธ.ค.67 ทาง รพ.ได้ชี้แจงกับญาติถึงสาเหตุที่ทารกไหปลาร้าหักว่า เกิดจากการใช้เครื่องมือช่วยทำคลอด เนื่องจากปากมดลูกเปิดไม่สุดและเด็กตัวใหญ่ไม่สามารถคลอดเองได้  ทาง รพ.จึงจำเป็นต้องใช้เครื่องมือช่วยดูดเด็กออก ส่วนที่แจ้งญาติช้าว่าเด็กไหปลาร้าหัก เพราะเอ็กซเรย์ครั้งแรกไม่เห็นไม่ชัดเจน กระทั่งเด็กมีอาการผิดปกติตัวเหลือง หายใจเต้นผิดจังหวะ  จึงเอ็กซเรย์ครั้งที่สองถึงเห็นว่าไหปลาร้าของเด็กหัก กรณีที่เกิดขึ้นทาง รพ.ก็จะทำการรักษาเด็กอย่างเต็มที่

 กระทั่งเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 6 ธ.ค.67 ทาง รพ.ได้แจ้งให้พ่อแม่และครอบครัวมาฟังอาการของทารกน้อย ซึ่งรักษาอยู่ในห้องผู้ป่วยวิกฤตอีกครั้ง ซึ่งหมอแจ้งว่าน้องมีอาการไตวาย ปัสสาวะไม่ออก หัวใจเต้นช้าลงโอกาสรอดชีวิตน้อยมาก  

ล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. วันที่ 6 ธ ค.ที่ผ่านมา ทารกเคราะห์ร้ายได้เสียชีวิตแล้วไร้ปาฏิหาริย์ สร้างความโศกเศร้าเสียใจให้กับผู้เป็นพ่อ แม่ คนในครอบครัว และญาติ เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะพ่อและแม่ ซึ่งอยู่ในภาวะช็อกพูดไม่ออกเอาแต่ร้องไห้ และตัดพ้อว่าพ่อแม่ซื้อเสื้อผ้าและอุปกรณ์สำหรับทารกแรกเกิด ไว้รอลูกสาวคนแรกของครอบครัวแล้ว แต่กลับไม่มีโอกาสได้เลี้ยงหรือดูแลลูกเลย   

ขณะที่ทางครอบครัวยืนยันว่าจะเดินหน้าเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับน้อง และพ่อแม่ของน้องให้ถึงที่สุด