วันที่ 6 ธ.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีป้าของน้องวัย 7 ขวบชั้นป.1 โพสต์เรื่องราวของหลานชาย ซึ่งถูกรุ่นพี่ ป.4 สองคนเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน กระชากคอเสื้อรุมทำร้ายแล้วเอาหัวโขกกับขอบอ่างล้างหน้าจนได้รับบาดเจ็บศีรษะปูดบวม เหตุเกิดที่โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง ในต.โพนสูง อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.67 ที่ผ่านมา  โดยผลแพทย์ออกมาแล้วว่าน้องพ็อตโตะ มีเลือดคั่งนอกกะโหลกศีรษะและแผลถลอกใต้ตาขวา

โดย น.ส.ปุ้ย อายุ 36 ปี ผู้เป็นแม่ของน้องพ็อตโตะ บอกว่า เสียใจมากที่ลูกชายถูกรุ่นพี่ป.4 รุมทำร้าย ทั้งๆ ที่ลูกชายไม่เคยมีเรื่องกับคนทั้งสองมาก่อน เราไว้ใจให้ลูกเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ตั้งแต่อนุบาลจนถึงป.1 พอไปแจ้งความ ตร.บอกว่า แม่แจ้งความไม่ได้เพราะเป็นเรื่องของเด็ก จนทางผกก.สภ.บ้านดุงทราบเรื่อง ได้ให้คุณแม่ไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวนเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ โดยคุณแม่ยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ลูกเจ็บแม่ก็เจ็บ หัวอกแม่พูดไปก็ร้องไห้ปาดน้ำตา

ล่าสุดที่โรงเรียน ในต.โพนสูง อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี ทางโรงเรียนได้เชิญผู้ปกครองของคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายมาเจรจาตกลงไกล่เกลี่ยกัน โดยมีผู้บริหารโรงเรียน  ผู้จัดการโรงเรียนฯ และ เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมพูดคุยด้วย โดยไม่อนุญาติให้สื่อมวลชนรับฟัง ซึ่งการเจรจานี้ทางโรงเรียนได้เปิดคลิปวงจรปิดให้ผู้ปกครองได้ดู และไม่อนุญาตให้สื่อนำคลิปไปเผยแพร่ต่อโดยอ้างเหตุผลว่าอาจจะกระทบจิตใจของเด็กในอนาคต ทั้งนี้หลังการเจรจานานกว่า 2 ชั่วโมง ผู้บริหารโรงเรียนได้ชี้แจงต่อสื่อมวลชนสรุปได้ว่า จากการพูดคุยฝ่ายผู้ปกครองของเด็ก ป.4 ทั้งสองคนที่ก่อเหตุทำร้ายน้องป.1 นั้น ได้กล่าวคำขอโทษผูกแขนเยียวยาให้กับผู้ปกครองน้องพ๊อตโตะเป็นเงินจำนวนน 10,000 บาท และทางโรงเรียนจะมีมาตรการป้องกันเด็กทำร้ายกันในโรงเรียน และเฝ้าระวังเพิ่มมากขึ้น

ทั้งผู้อำนวยการโรงเรียน เปิดเผยว่า มาตรการการลงโทษของทางโรงเรียนตามระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการ คือทางโรงเรียนก็ทำตามขั้นตอน คือ 1 ว่ากล่าวตักเตือน 2 ทำทัณฑ์บน 3 ตัดคะแนนความประพฤติ และ 4 ทำกิจกรรมเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ซึ่งระเบียบนี้เป็นภาพรวมที่กระทรวงกำหนดไว้สำหรับโรงเรียนหลังเกิดเหตุจากนี้จะมีการเฝ้าระวังให้มากขึ้น นอกจากนี้จะมีการติดตามเด็กที่ก่อเหตุและถูกกระทำให้เพิ่มมากขึ้น พร้อมจะมีการคัดกรองเด็กที่มีการเล่นหรือมีพฤติกรรมที่รุนแรงโดยร่วมกับพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดต่อไป

ด้าน พ่อแม่ของน้องผูเสียหาย บอกว่า ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่ารู้สึกดีใจที่เรื่องราวจบลงได้ดีและข้อสรุปเป็นไปตามที่คิดไว้ แต่ข้อสรุปก็จบลงบนเงื่อนไข 2 ข้อ คือ ทางโรงเรียนขอเวลาเวลาในการสานสัมพันธ์พี่ป.4 กับน้อง ป.1 และขอสังเกตความรู้สึกลูกชายว่าจะอยากเรียนต่อหรือจะอยากย้ายโรงเรียนไปเรียนที่อื่น ซึ่งทางผู้อำนวยการโรงเรียนก็พร้อมที่จะ ประสานการย้ายโรงเรียนให้ถ้าเป็นความต้องการของครอบครัวเด็ก

สำหรับผู้ปกครองของน้องป.4 ทั้งสองคนได้เสนอจ่ายค่าเยียวยาเป็นเงินคนละ 5,000 บาทรวมเป็นเงิน 10,000 บาท พร้อมผูกข้อต่อแขนเรียกขวัญให้น้อง ซึ่งโรงเรียนได้ยืนยันรับปากต่อหน้าผู้ปกครองทั้งหมดว่าจะมีมาตรการที่รัดกุมกว่านี้ไม่ให้เด็กทะเลาะกันส่วนฝั่งผู้ปกครองของน้องป. 4 ทั้ง 2 คน ก็รับปากจะดูแลบุตรหลานตัวเองสั่งสอนบุตรหลานให้ดีขึ้นไม่ให้มีกการเล่นหรือทำรุนแรงอีก และหลังจากนี้ก็จะไปถอนแจ้งความ