เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 6 ธ.ค.67 พ.ต.อ.ฉลาด พลนาการ  ผกก.สภ.หลังสวน สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจตรวจสอบเหตุหลังได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า พ่อได้ทำร้ายลูกเล็กของตนเองบริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ วงเวียนอวยชัย 2 ตำบลขันเงิน อ.หลังสวน จ.ชุมพร จึงพร้อมกำลังเร่งตรวจสอบ

พบชายทราบชื่อภายหลังคือนายปรีชา อายุ 28 ปี อยู่หมู่ 1 ตำบลท่าชนะ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมลูกสาวน้องนาวา อายุ 5 ปี 2 เดือน ซึ่งมีบาดแผลบริเวณคิ้วซ้ายและท้ายทอยมีเลือดไหลนองท่วมร่างกาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงประสานหน่วยกู้ภัยฯปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลหลังสวนเพื่อให้แพทย์ตรวจรักษาอย่างละเอียด

สอบสวนนายปรีชา ผู้เป็นพ่อ รับว่า ได้ทำร้ายร่างกายลูกจริง โดยใช้มือตบ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อจึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

เพื่อนบ้านรายหนึ่ง หลังทราบข่าวจึงได้เดินทางมาไปยัง สภ.หลังสวนเพื่อสอบถามแม่เด็กถึงเหตุการณ์ดังกล่าวแต่ไม่พบ ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า ครอบครัวของพ่อคนก่อเหตุมีลูกเล็กทั้งหมด 3 คน ส่วนลูกสาวคนที่ถูกทำเป็นคนโต โดยย้ายมาจาก จ.สุราษฎร์ธานี พักอาศัยอยู่กับแม่เลี้ยงของแม่เด็กที่หลังสวน ฐานะทางครอบครัวคนเป็นพ่อทำงานหาเลี้ยงครอบครัวคนเดียวขับรถจักรยานยนต์ลากจูงลักษณะรถเข็นหาเก็บของเก่าขายหารายได้เลี้ยงลูกเมีย  ส่วนเมียไม่ได้ทำอะไร รายได้ไม่พอเด็กต้องกินต้องใช้ อาจทำให้เกิดความเครียด 

เพื่อนบ้านให้ข้อมูลอีกว่า ก่อนหน้านี้คนเป็นพ่อเคยทำร้ายร่างกายลูกสาวคนเดียวกันมาแล้วจนมีปัญหา คนเป็นพ่อจึงออกไปอยู่ที่อื่น และเพิ่งกลับเข้ามาหลังสวนอีกครั้ง ลูกสาวคนโตถูกตีบ่อยแต่คนอื่นๆ ตนไม่เห็น ซึ่งการกระทำดังกล่าวเกินจะรุนแรง ลักษณะจะยาเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่

ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดชุมพร  เจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาชุมชน เทศบาลเมืองหลังสวน เจ้าหน้าที่สหวิชาชีพ แพทย์โรงพยาบาลหลังสวน เข้าเยี่ยมอาการน้องนาวา ที่ถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บเลือดท่วมตัวจากผู้เป็นพ่อแท้ๆ มีอาการปลอดภัย แต่ตาซ้ายยังบวมปูด รับตัวมาที่สภ.หลังสวน โดยมี น.ส.ทิพย์ธิดา อายุ 27 ปี ผู้เป็นแม่ติดตามมาด้วย เพื่อสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัญหาครอบครัวและเหตุที่ผู้เป็นพ่อทำร้ายลูกสาววัยแค่ 5 ขวบ แต่ไม่พูดจาอะไรรีบเดินขึ้นโรงพักทันที

ต่อมาด้านพ.ต.อ.ฉลาด พลนาการ ผกก.สภ.หลังสวน เปิดเผยว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจตามที่ได้รับแจ้งจึงเดินทางตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่า มีมารดาหรือผู้เป็นพ่อกำลังทำร้ายเด็กจริง จึงได้ทำการจับกุมมาดำเนินคดีและถูกควบคุมไว้ในห้องขัง ส่วนเด็กส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลหลังสวน ซึ่งขณะนี้แพทย์ได้อนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลแล้วได้รับบาดเจ็บแก่กายและจิตใจ ส่วนผู้เป็นพ่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหา ทำร้ายร่างกาย และคดีเกี่ยวกับความรุนแรงต่อครอบครัว พร้อมเร่งดำเนินการส่งศาลเยาวชนและครอบครัวชุมพร 

เบื้องต้นได้ตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดแต่ปรากฏไม่พบสารเสพติดในร่างกายแต่อย่างใด จากการที่พนักงานสอบสวนและพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดชุมพร (พมจ.) สอบสวนที่โรงพยาบาลเบื้องต้นทราบว่ามีเหตุพ่อทำร้ายลูกตนเองบ่อย ทั้งพ่อแม่เด็กไม่ได้มีภูมิลำเนาอยู่ในอำเภอหลังสวนแต่มาจากที่อื่น (สุราษฎร์ธานี) มาพักอาศัยอยู่กับผู้อื่นในพื้นที่เกิดเหตุ หลังจากนี้จะเข้าประชุมร่วมกับพมจ.ชุมพรอีกครั้ง เบื้องต้นต้องรับเด็กที่บาดเจ็บไปอาศัยที่บ้านพักเด็ก ส่วนความเป็นอยู่ทางครอบครัวเจ้าหน้าที่จะประเมินกันอีกครั้งหลังประชุมแต่แนวโน้มคาดว่าจะต้องนำเด็กทั้งหมดไปที่บ้านพักเด็กไว้ก่อน