รบ.เร่งทุกหน่วยช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในชายแดนใต้อย่างทันท่วงที หลังสถานการณ์คลี่คลายลง พร้อมเฝ้าระวังสถานการณ์ล่วงหน้า ห้วง 13 ธ.ค. 67 นี้ 

วันที่ 6 ธ.ค.67 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อมด้วยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่อาคารศรีนิบง ศูนย์เยาวชนเทศบาลนครยะลา อำเภอเมือง จังหวัดยะลา พบปะประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยพร้อมมอบถุงยังชีพ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ 

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีฯ กล่าวว่า หลายพื้นที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้รับผลกระทบจากภาวะอุทกภัย ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ฝากเรื่องของการเยียวยาพี่น้องประชาชนให้มีการช่วยเหลือโดยเร็วและอย่างทันทวงทีไม่ให้ได้รับความเดือดร้อน เรื่องที่ 2 คือให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่มีส่วนในการแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำขัง หรือน้ำในแหล่งน้ำที่ตื้นเขินดำเนินการไล่น้ำออกจากพื้นที่และให้ประชาชนใช้ชีวิตด้วยความปกติสุขโดยเร็ว นอกจากนี้ยังได้เตือนภัยพี่น้องประชาชนในช่วงเวลาที่พายุมาหรือฝนตกหนักๆ อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ออกมาเตือนภัยพี่น้องประชาชนให้ทราบก่อนล่วงหน้า เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้เคลื่อนย้ายสิ่งของก่อน เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบและความเสียหาย เช่นในห้วงวันที่ 13 ธันวาคมนี้ ที่ได้มีการคาดการณ์ออกมาว่าจะมีภาวะฝนตกหนักในหลายพื้นที่ของภาคใต้ตอนล่าง ซึ่งประชาชนจะได้เตรียมรับมือให้ทันท่วงทีกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น 

ในส่วนของการวางแผนน้ำท่วมในระยะยาว ตอนนี้ได้กำหนดให้ทางจังหวัดได้ทำแผนระยะเร่งด่วนที่สามารถแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้อย่างทันท่วงที และให้ทำงานร่วมกันระหว่างสำนักทรัพยากรน้ำแห่งชาติ  กรมชลประทาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด สำรวจดูว่าปัญหาดังกล่าวจะต้องมีโครงการอะไรบ้างที่สามารถแก้ไขได้อย่างเร่งด่วน ซึ่งทางจังหวัดได้เตรียมความพร้อมไว้แล้วส่วนหนึ่ง เช่น ปภ. สทนช. ซึ่งมีการจัดตั้งศูนย์ส่วนหน้าเข้ามาดูแลในพื้นที่ เพื่อดูสถานการณ์ลำน้ำในเขื่อนต่างๆ ซึ่งในเบื้องต้นในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง น้ำอยู่ในระดับเกณฑ์ที่ เกิน 50% แต่อยู่ในระยะที่เราสามารถควบคุมได้อยู่  

ซึ่งทั้งหมดนี้นายกรัฐมนตรี ฯ มีความเป็นห่วงพี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก พร้อมได้เน้นย้ำให้ช่วยเหลือในมาตรการต่าง ๆ ของภาครัฐให้ดำเนินการอย่างรวดเร็ว ซึ่งเรื่องนี้ได้สั่งการท่านผู้ว่าราชการจังหวัดไปแล้วว่าต้องสำรวจความเสียหายทั้งภาคเกษตรกรรม ปศุสัตว์ รวมถึงเงินที่ต้องเยียวยาพี่น้องประชาชนต้องมาถึงโดยเร็ว อีกทั้งในเรื่องของแหล่งพักพิงชั่วคราว ซึ่งเมื่อน้ำมา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องมีการเตรียมความพร้อมให้กับพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบด้วย