จากกระแสการลงทุน Data Center ในประเทศไทยที่ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การตัดสินใจลงทุน Data Center ขนาดใหญ่ของบริษัทระดับโลก ถือเป็นการตอกย้ำศักยภาพของประเทศไทยว่าเป็นประเทศที่มีความแข็งแกร่งด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลและมีความพร้อมรองรับการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคดิจิทัล ทั้งภาคธุรกิจและองค์กรภาครัฐที่โดดเด่นมากที่สุดในอาเซียน
เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.67 นายอุกฤษฏ์ วงศราวิทย์ ประธานบริหารสายงานปฏิบัติการ และ ประธานบริหารสายงานโซลูชันและเทคโนโลยี บริษัท จีเอเบิล จำกัด (มหาชน) ได้เผยถึงข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับการย้ายฐาน Data Center มายังประเทศไทย ไว้ว่า “การเข้ามาของ Data Center ที่จะมาพร้อมกับแอปพลิเคชัน และการใช้งาน Data Analytics ในการย้ายข้อมูลจาก on premise สู่ on cloud จะส่งผลให้มีโอนถ่ายข้อมูลไปไว้บนคลาวด์กันมากขึ้นในวงกว้าง หมายรวมถึงภาคธุรกิจองค์กรไทยทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ด้วยคุณสมบัติของคลาวด์ที่มีความยืดหยุ่น ปลอดภัย สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามการใช้งาน และควบคุมต้นทุนได้ตามการใช้งาน สอดคล้องกับทิศทางข้อมูลของ Gartner ที่เผยให้เห็นว่าองค์กรในประเทศไทยมีการลงทุนด้านคลาวด์สูงถึง 592 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีการเติบโตเฉลี่ยมากกว่า 30% จนถึงปี 2026 ประกอบกับปัจจัยการย้ายฐาน Data Center มาที่ประเทศไทย ทำให้การใช้งานคลาวด์ภายในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในส่วนของ Platform-as-a-Service (PaaS)
โดยในมุมของ จีเอเบิล ในฐานะบริษัท Tech Enabler สัญชาติไทย ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของพันธมิตรในหลายภาคธุรกิจองค์กรขนาดใหญ่ของประเทศไทยมาตลอด 35 ปี ด้วยบริการที่ครบวงจรแบบ One Stop Service จีเอเบิล เชื่อมั่นในความพร้อมของทีมงาน IT Developer ที่มี Technical Skill ในระดับสูงกว่า 1,000 คน มีความเชี่ยวชาญด้านโครงสร้างพื้นฐานไอทีระดับองค์กรขนาดใหญ่ ระบบคลาวด์ระบบ Data Analytics เพื่อให้ข้อมูลพร้อมใช้งานได้จริง รวมถึงระบบการป้องกันความปลอดภัยของข้อมูล Cybersecurity ขั้นสูง ฯลฯ ในการรองรับ Workload ที่จะมาพร้อมกับการย้ายฐาน Data Center ด้วยมาตรฐานการให้บริการระดับสากล โดย จีเอเบิล สามารถส่งมอบ Customizable Cloud Solutions ที่เหมาะสมกับธุรกิจ, Data Security and Compliance การสร้างระบบความปลอดภัยให้เป็นไปตามมาตรฐาน, Scalability & Cost Efficiency ความสามารถในการรองรับการขยายตัวของธุรกิจและการบริหารจัดการต้นทุนที่เหมาะสม รวมถึง Integrated Cloud Ecosystem การสร้างระบบที่สนับสนุนการทำงานร่วมกันของเทคโนโลยีต่างๆ ฯลฯ
ขณะเดียวกัน จีเอเบิลยังได้วาง Business Model ที่มุ่งใส่ใจถึงประโยชน์ของผู้ใช้งานในเรื่องการลดต้นทุนเป็นหลัก เพื่อตอบสนองความยั่งยืนเรื่องรายได้ทางธุรกิจของพันธมิตร (Sustainable Growth) โดยโฟกัส 4 เรื่องดังนี้ 1.Automation การทำระบบที่สามารถทำซ้ำได้โดยลดความผิดพลาดของคน 2.Resilience การวางระบบ
ที่สามารถใช้งานได้ในระยะยาวและมีความปลอดภัย 3.Flexible มีความยืดหยุ่นในการใช้งาน สามารถปรับเพิ่ม/ลดทรัพยากรตามการใช้งานได้ 4.Cost Optimization สามารถควบคุมและจัดการค่าใช้จ่ายให้เหมาะสม นอกจากนี้จีเอเบิลยังมีทีมงานที่เชี่ยวชาญ PaaS ทั้งด้าน Cybersecurity,AI & Analytics และ Cloud Applications Modernization ที่ทำงานร่วมกับลูกค้าอย่างใกล้ชิด เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากระบบคลาวด์ได้สูงสุด ซึ่งถือเป็นจุดที่แตกต่างจากผู้ให้บริการจากต่างประเทศ และเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญในการให้บริการของจีเอเบิล
“เพราะในยุคที่เทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนอนาคตเศรษฐกิจและภาคธุรกิจองค์กรไทย จีเอเบิลในฐานะผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของธุรกิจองค์กรมากมายของประเทศ ยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าพัฒนาด้านเทคโนโลยีอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อเพิ่มโอกาสที่ไร้ขีดจำกัดและปลดล็อกข้อจำกัดทางเทคโนโลยี เคียงข้างธุรกิจองค์กรไทยสู่การเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน” นายอุกฤษฏ์กล่าวทิ้งท้าย