NOBLE ปลื้ม หลังทริสเรทติ้ง หนุนความเชื่อมั่นคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของบริษัทที่ระดับ BBB พร้อมคงแนวโน้มอันดับเครดิต Stable หรือ คงที่ สะท้อนถึงโอกาสการเติบโตทางธุรกิจ ล่าสุด ตุน Backlog ในมือแล้ว 27,000 ล้านบาท  

เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.67 นายธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิลดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ Noble เปิดเผยว่า บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด หรือ ทริสฯ คงอันดับเครดิตองค์กร ที่ “BBB /Stable” (คงที่) ขณะเดียวกันยังจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 1,800 ล้านบาท ไถ่ถอนภายใน 3 ปี ที่ระดับ “BBB” เพื่อเสริมศักยภาพฐานะทางการเงินของบริษัทฯ ในและการลงทุนในอนาคตอย่างมั่นคง

“ทริสฯ พิจารณาการจัดอันดับเครดิตของ NOBLE จากภาพรวมธุรกิจ รวมถึงกลยุทธ์ทางการตลาดของบริษัทฯ โดยประเมินว่า ศักยภาพทางการตลาดคอนโดมิเนียมมีความแข็งแกร่ง ประกอบกับทุกโครงการของ NOBLE สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ครบทุกมิติ ตั้งแต่ราคาที่เข้าถึงได้ ระดับกลางจนถึงระดับไฮเอ็นด์ ส่งผลให้สินค้าเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค ซึ่งสอดรับกับยอดขายรอการรับรู้รายได้ (Backlog) ณ ปัจจุบันที่สูงถึง 27,000 ล้านบาท สนับสนุนให้ผลการดำเนินงานของบริษัทในอนาคตมีแนวโน้มการเติบโตเพิ่มขึ้น โดยทริสฯ จัดอันดับเครดิตในครั้งนี้ คงอันดับเครดิตองค์กร ที่ “BBB /Stable” เนื่องจากถูกกดดันจากระดับหนี้สินของบริษัทฯที่สูง รวมถึงผลการดำเนินงานที่มีความผันผวน ประกอบกับอัตรากำไรที่คาดว่าจะอ่อนตัวลงท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงต่อเนื่อง”

โดยทริสฯ ยังระบุอีกว่า NOBLE มีศักยภาพที่แข็งแกร่ง และเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการชั้นนำด้านคอนโดมิเนียม ส่งผลให้แบรนด์เป็นที่ยอมรับ ประกอบกับทุกทำเลของโครงการมีศักยภาพสูง ตั้งอยู่ใจกลางเมือง และมีการออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ที่ชัดเจนในแต่ละโครงการ ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวทำให้ NOBLE มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นในตัวเลขงวด 9 เดือนแรกของปี 2567 ที่มียอดขายโครงการ (Pre-sale) แตะระดับ 13,600 ล้านบาท ซึ่งเป็นยอดขายจากโครงการคอนโดมิเนียมเกือบทั้งหมด ทริสฯ คาดว่า NOBLE จะสามารถสร้างยอด Pre-sale ในปี 2568-2569 ได้ประมาณ 9,000-12,000 ล้านบาทต่อปี

นอกจากนี้ยังได้ประเมินว่า NOBLE จะสามารถสร้างผลประกอบการได้ตามเป้าหมายที่ประเมินไว้ในช่วงปี 2567-2569 ภายใต้สมมติฐานที่คาดว่ารายได้ จากการดำเนินงานของบริษัทฯ จะอยู่ที่ระดับ 9,000-11,000 ล้านบาทต่อปี โดยมีรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ คิดเป็นประมาณ 60%-70% ของรายได้จากการดำเนินงานทั้งหมด

“ในปี 2567 คาดว่า NOBLE จะมีอัตราการทำกำไรที่ดีขึ้น และต่อเนื่องไปในปี 2568 จากแนวโน้มการโอนของโครงการที่มีอัตรากำไรในระดับสูงทั้งในส่วนของคอนโดมิเนียม และโครงการแนวราบบางโครงการที่รอรับรู้รายได้ตามแผน ดังนั้นจึงคาดว่า EBITDA จะอยู่ที่ระดับ 1,500-2,000 ล้านบาท”

ทั้งนี้ จาก Backlog ที่ระดับ 27,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2567 ถึงปี 2571 โดยทริสฯ คาดว่าในปี 2568 จะสามารถรับรู้เป็นรายได้มูลค่า 9,000 ล้านบาท ส่วนปี 2570-2571 จะสามารถรับรู้เป็นรายได้มูลค่า 5,500 - 6,000 ล้านบาทต่อปี ส่วนในปี 2569 คาดว่ารายได้และกำไรจากการขายมาจากโครงการใหม่ที่กำลังจะเปิดตัว และโครงการเดิมที่รอการขายและพร้อมเข้าอยู่ ณ เดือนกันยายน 2567 มูลค่ารวม 9,200 ล้านบาท จากยอด Backlog ดังกล่าวส่งผลให้บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้หรือส่วนแบ่งกำไรจากโครงการภายใต้การร่วมทุนได้ต่อเนื่องและมั่นคง ซึ่งสะท้อนถึงอัตราการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญของ NOBLE ในอนาคต

“NOBLE มีศักยภาพทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยใน 12 เดือนข้างหน้าบริษัทมีสภาพคล่องเพียงพอ ณ เดือนกันยายน 2567 บริษัทฯ มีกระแสเงินสดและรายการเทียบเท่ากับเงินสด 2.1 พันล้านบาท และวงเงินกู้ยืมที่ยังไม่ได้เบิกใช้ 2.4 พันล้านบาท ขณะที่เงินทุนจากการดำเนินงานคาดว่าจะอยู่ที่ 1 พันล้านบาทช่วง 12 เดือนข้างหน้า”