ASW ทุบสถิติกวาดยอดขายสร้างสถิติใหม่เกินเป้าปี เปิดยอดพรีเซลสะสม 11 เดือน 17,874 ล้านบาท หลัง 3 โครงการไฮไลท์ภูเก็ต-พัทยา-แคมปัสคอนโดใหม่ กระแสตอบรับดีดันยอดขายพุ่ง ชูจุดแข็งฝ่าสถานการณ์ตลาดอสังหาฯ ไม่พึ่งพิงตลาดเดียว กระจายโปรดักท์-กระจายแบรนด์-กระจายทำเล คาดอานิสงส์มาตรการลดค่าโอนและจดจำนอง กระตุ้นยอดโอนโค้งสุดท้ายโครงการคอนโด-บ้านพร้อมอยู่ไม่เกิน 7 ล้านบาท มั่นใจปี 67 รายได้ตามเป้า 8,700 ล้านบาท
 
เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.67 นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นผู้นำด้านไลฟ์สไตล์ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ” หรือ “We Build Happiness” เปิดเผยว่า ในช่วง 11 เดือนของปี 2567 (ม.ค.-พ.ย. 67) บริษัทสามารถทำยอดขายสะสมได้ 17,874 ล้านบาท ถือเป็นยอดขายสถิติใหม่ของบริษัท และเกินกว่าเป้าหมายปี 2567 เป็นที่เรียบร้อย
 

สำหรับกลุ่มโครงการที่สร้างยอดขายโดดเด่นในช่วงครึ่งปีหลังนี้ และจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในไตรมาสสุดท้ายของปี 2567 ได้แก่ 1.เดอะ ไทเทิล เซียโล่ ราไวย์ (THE TITLE CIELO RAWAI) โครงการ Leisure Condominium มูลค่า 1,200 ล้านบาท ภายใต้การพัฒนาของบริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TITLE บริษัทย่อยในเครือ กวาดยอดขาย 90% หลังเปิดขายได้เพียง 1 สัปดาห์ 2.อควารัส จอมเทียน พัทยา (Aquarous Jomtien Pattaya) โครงการคอนโดมิเนียมสไตล์ Luxurious Staycation Residence ใกล้ชายหาดจอมเทียน มูลค่า 5,000 ล้านบาท และ 3.เควาลอน (KAVALON) โครงการแคมปัสคอนโดใหม่ล่าสุดชิดรั้ว ม.กรุงเทพ มูลค่า 4,500 ล้านบาท ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีทั้งจากผู้ต้องการอยู่อาศัยจริงและนักลงทุน
 

“ปี 2567 เป็นปีที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยต้องเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน ที่ผ่านมา ASW จึงให้ความสำคัญกับการกระจายความเสี่ยง ไม่พึ่งพิงในตลาดเดียว โดย 1. กระจายโปรดักท์ พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยครอบคลุมในหลายเซ็กเมนต์ รองรับความต้องการของผู้บริโภคทุกเจเนอเรชัน 2. กระจายแบรนด์ ต่อยอดแบรนด์เดิมที่มีความแข็งแกร่งอย่างแคมปัสคอนโดแบรนด์ เคฟ (KAVE) และแตกแบรนด์ใหม่เพื่อสะท้อนคอนเซ็ปต์ที่แตกต่างในแต่ละโครงการ เช่น แบรนด์อควารัส (Aquarous) คอนโดมิเนียมใกล้ชายหาด หรือแบรนด์ฌาน (CHANN) บ้านเดี่ยวสำหรับพักตากอากาศริมแม่น้ำ และ 3. กระจายทำเล พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล และขยายสู่ทำเลหัวเมืองท่องเที่ยวหลังการท่องเที่ยวไทยฟื้นตัว โดยเฉพาะทำเลภูเก็ต ซึ่งเรามีแบรนด์เดอะ ไทเทิล (THE TITLE) เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการสร้างยอดขายและรายได้ของบริษัทในปีนี้” นายกรมเชษฐ์ กล่าว
 

นายกรมเชษฐ์ กล่าวอีกว่า สำหรับการดำเนินงานในช่วงเดือนสุดท้ายของปี 2567 มาตรการกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐที่กำลังจะสิ้นสุดลงภายในสิ้นปี เช่น การลดค่าจดทะเบียนโอนอสังหาริมทรัพย์จาก 2% เหลือ 0.01% และลดค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์จาก 1% เหลือ 0.01% สำหรับราคาซื้อขายและราคาประเมินทุนทรัพย์ไม่เกิน 7 ล้านบาท และวงเงินจำนองไม่เกิน 7 ล้านบาท จะช่วยให้ผู้บริโภคที่ต้องการที่อยู่อาศัยเกิดการตัดสินใจซื้อและโอนกรรมสิทธิ์ได้เร็วขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อดีภาพรวมทั้งตลาด และช่วยให้บริษัทสามารถทำรายได้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายตามเป้าหมาย 8,700 ล้านบาทได้
 
“ปัจจุบันบริษัทมีรายได้สะสม 9 เดือนแรกกว่า 7,800 ล้านบาท หรือคิดเป็น 90% ของเป้ารายได้ทั้งปี 2567 เราเชื่อมั่นว่าด้วยศักยภาพทำเล คุณภาพของโครงการ กลยุทธ์การกระจายความเสี่ยง และมาตรการต่างๆ จะช่วยขับเคลื่อนให้ ASW สามารถบรรลุได้ตามเป้าหมายที่เราวางไว้อย่างแน่นอน” นายกรมเชษฐ์ กล่าว
 

ทั้งนี้ ASW ได้ขยายแผนเปิดโครงการใหม่ปี 2567 เพิ่มเป็น 13 โครงการ มูลค่าทั้งหมด 36,860 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 42% เมื่อเทียบจากแผนที่ประกาศไว้ช่วงต้นปี และเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 22% พร้อมยอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) ณ สิ้นไตรมาส 3/2567 ประมาณ 23,070 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้ไปจนถึงปี 2569
 
สำหรับบริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยมุ่งพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวสูงและแนวราบบนทำเลศักยภาพ ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ” หรือ “We Build Happiness” ปัจจุบันได้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมและโครงการบ้านจัดสรรมาแล้วกว่า 71 โครงการ ภายใต้แบรนด์ในเครือที่ออกแบบมาเพื่อสร้างความสุขให้เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ ได้แก่ แบรนด์ เคฟ (KAVE), แบรนด์ แอทโมซ (ATMOZ), แบรนด์ โมดิซ (MODIZ), แบรนด์ เอสต้า (ESTA), แบรนด์ ดิ อาเบอร์ (THE ARBOR), แบรนด์ ดิ ออเนอร์ (THE HONOR) รวมถึงแบรนด์ภายใต้ บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ “TITLE” ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ รวมมูลค่าโครงการกว่า 103,366 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและโครงการพร้อมอยู่ 53 โครงการ และโครงการที่กำลังเปิดขายและอยู่ระหว่างการพัฒนา 18 โครงการ และ ณ ไตรมาส 3 ปี 2567 มียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่ารวมกว่า 23,070 ล้านบาท