พ่อบอกลาลูกเมียเหยื่อเก๋ง BMW 3ศพ ก่อนเคลื่อนย้ายศพเก็บรอความเป็นธรรมอย่างไม่มีกำหนด น้ำตาอาบแก้ม เคาะโลงวางรองเท้าให้หลังเข้าฝันคู่กรณีไม่มีรองเท้าใส่
เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.67 จากกรณีรถเก๋งสีดำ ยี่ห้อ BMW ด้วยความเร็วพุ่งชนท้ายรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า สีดำ มีผู้เสียชีวิต 3 ศพ เป็นนักเรียนชายชั้น ม.4 กับนักเรียนหญิงชั้น .2 โรงเรียนดังในเมืองชุมพร ตายพร้อมกับแม่รวม 3 ศพ ขณะแม่ขับไปรับกลังจากเรียนพิเศษ ส่วนสาวที่เป็นคนขับรถ BMW ได้ขอให้ชาวบ้านละแวกเกิดเหตุช่วยหาแมวสายพันธุ์ต่างประเทศจนเจอ แล้วทิ้งรถเก๋งคันหรูอุ้มพาแมวหลบหนีหายไปกับความมืด เหตุเกิดเชิงสะพานถนนสาย จ. หมู่ 9 ต.ตากแดด อ.เมือง จ.ชุมพร เมื่อค่ำวันที่ 27 พ.ย.67 ที่ผ่านมา
คืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 3 ธ.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบรรยากาศที่บ้านในหมู่ 3 ตำบลทุ่งคา อ.เมือง จ.ชุมพร ของนายประกฤษณ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 50 ปี หัวหน้าครอบครัวผู้สูญเสียลูกและเมีย ช่วงเช้านายประกฤษณ์ยังอยู่ในอาการโศกเศร้าเนื่องจากยังทำใจไม่ได้ กำลังจัดเก็บเก้าอี้บริเวณภายในงานสวดอภิธรรมศพทั้ง 3 คนแม่ลูก หลังจากนั้นนายประกฤษณ์ออกมาเปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า หลังจากออกรายการโหนกระแสของหนุ่มกรรชัย แล้วรู้สึกมีความสบายใจและมั่นใจเยอะมากขึ้นน่าจะได้ความยุติธรรมและคดีน่าจะคืบหน้าเร็วขึ้น ยังมีความกังวลใจอยู่บ้างจนการทุกอย่างจะเรียบร้อย เรื่องการเยียวยา ก็ยังไม่อะไรเลยคู่กรณีจะบอกจำนวนเงินอีกทีในวันที่ 8 ธ.ค.นี้ ด้านหนุ่มกรรชัยจะส่งทนายดำเนินการให้ด้วย แต่ต้องเหนื่อยอีกเยอะเรื่องของพิธีการเก็บศพและยังต้องทุกข์อีกเยอะจนกว่าจะได้ความยุติธรรมกลับมาปกติทุกอย่างจะให้เสร็จภายในวันจันทร์แต่เป็นไปไม่ได้แล้ว กำหนดการการเคลื่อนย้ายศพเป็นช่วงเวลาประมาณบ่ายโมง จะมีเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์มารับศพไปเก็บซึ่งหลังจากนั้นก็เป็นหน้าที่ดูแลจัดเก็บต่อไป
ต่อมานายประกฤษณ์ ได้นำรองเท้านักเรียนสีดำคู่ใหม่ใส่กล่องกระดาษวางบนโลงศพของลูกชายและลูกสาวทั้ง 2 คน และรองหุ้มส้นสีขาวของภรรยาพร้อมทั้งบอกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือน้ำตาไหลอาบแก้มว่า ลูกไปเข้าฝันฝั่งคู่กรณีว่าไม่มีรองเท้าใส่ ฝั่งคู่กรณีซึ่งไม่ทราบชัดเจนว่าเป็นใคร แต่คาดว่าน่าจะเป็นผู้หญิงเจ้าของรถ
หลังจากนั้นนายประกฤษณ์จุดธูปหน้าโลงศพบอกลูกเมียว่า วันนี้จำเป็นต้องเคลื่อนย้ายร่างไปอยู่ที่มูลนิธิชุมพรฯเป็นการชั่วคราวก่อนทุกอย่างจะเกิดความยุติธรรมแล้วจะเอาร่างมาเผาหลังจากนั้นก็ไม่ต้องห่วงอะไรแล้ว ชาติหน้าจะได้เจอกันอีก โดยนายประกฤษณ์พูดไปน้ำตาไหลพรากตลอดเวลาซึ่งยังทำใจไม่ได้กับการจากไปอย่างกะทันหันของลูกและเมียชนิดไม่มีสิทธิ์แม้จะพูดร่ำลากัน