“สงครามรัสเซีย-ยูเครน” ที่ผ่านมา ผู้มีบทบาทสำคัญ ก็จะเป็นบรรดาผู้นำประเทศ หรือไม่ก็เป็นระดับรัฐมนตรีกลาโหม ตลอดจนผู้บังคับบัญชาเหล่าทัพทั้งหลาย ก่อนจะมาถึงคิวของประชาชนพลเมืองของทั้งสองประเทศ ว่าจะมีความคิด ความอ่าน เกี่ยวกับสงครามว่า จะมีทิศทางเป็นเช่นไร
อย่างไรก็ดี กว่าจะถึงคิวของประชาชนที่จะแสดงความคิดเห็นกันได้ พื้นที่ที่เป็นสมรภูมิรบ ก็หายนะภินท์พังจากอาวุธสงคราม และกำลังพลทหารที่เข้าสัประยุทธ์โจมตีระหว่างกัน ตามการบังคับบัญชา ที่เริ่มจากการประกาศใช้ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร หรือก็คือการประกาศสงคราม นั่นเอง ของผู้นำประเทศ อย่างประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ที่เริ่มประกาศเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2022 (พ.ศ. 2565) ก่อนตามมาด้วยการสั่งการของบรรดาผู้บังคับบัญชาเหล่าทัพระดับชั้นต่างๆ ในพื้นที่สมรภูมิรบ ซึ่งตลอดกว่า 2 ปีที่ผ่านมา สมรภูมิรบที่ว่า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเทศยูเครน ที่เป็นพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย โดยหลายแห่งก็ถึงขั้นย่อยยับกันเลยทีเดียว
ในส่วนความคิดเห็นของประชาชนนั้น ก็มีหลากหลายความคิดเห็นด้วยกัน แตกต่างกันไปของประเทศคู่สงคราม คือ ระหว่างประชาชนชาวรัสเซีย กับประชาชนชาวยูเครน
นอกจากนี้ ระยะเวลาที่ผ่านมา คือ ตั้งแต่ช่วงต้นของสงคราม จนถึง ณ ชั่วโมงนี้ ปรากฏว่า ความคิดเห็นของประชาชนก็แตกต่างกันแทบจะสิ้นเชิง สำหรับการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในแต่ละครั้ง แต่ละช่วงเวลา
โดยความคิด ความอ่านของประชาชนพลเมืองข้างต้น ก็ถูกสะท้อนผ่านการสำรวจความคิดเห็น หรือการทำโพลล์ของสำนัก สถาบันต่างๆ ก่อนมีรายงานผลการสำรวจออกมา
อย่างในการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในรัสเซีย ก็ดำเนินการสำรวจโดย “ยูริ เลวาดา” อันเป็นศูนย์วิเคราะห์ชั้นนำ ที่มีที่ตั้งอยู่ในกรุงมอสโก เมืองหลวงของรัสเซีย เป็นส่วนใหญ่ ผลการสำรวจที่ได้ในช่วงต้นของสงคราม หรือสงครามเกิดใหม่ๆ ก็ต้องบอกว่า ประชาชนชาวรัสเซียส่วนใหญ่ จะส่งเสียงเชียร์สนับสนุนปฏิบัติการพิเศษทางทหารตามคำสั่งของประธานาธิบดีปูตินเลยทีเดียว โดยผลการสำรวจที่ออกมาก็ยังมากกว่าร้อยละ 70 ถึงร้อยละ 80 ก็ยังมีให้เห็น สำหรับกลุ่มตัวอย่างที่ออกมาส่งเสียงเชียร์สนับสนุน อาจจะเป็นด้วยเหตุผลกลใด รวมไปถึงการโฆษณาชวนเชื่อของทางการก็ตามที
พร้อมๆ กันนั้น คะแนนนิยมในตัวผู้นำประเทศรัสเซีย อย่างประธานาธิบดีปูติน ก็มีตัวเลขพุ่งทะยาน ตามแรงสนับสนุนที่พวกเขาส่งเสียงเชียร์ข้างต้น คือ มากกว่าร้อยละ 80 ด้วยกัน เพิ่มขึ้นจากกว่าร้อยละ 70 ที่มีสำรวจก่อนหน้าเกี่ยวกับความนิยมชมชอบต่อประธานาธิบดีปูติน และสนับสนุนการทำสงครามยูเครนของเขา
เช่นเดียวกับทางฟากยูเครน ซึ่งดำเนินการสำรวจโดยสำนักโพลล์หลายแห่งของทางฝั่งตะวันตก เช่น แกลลัป เป็นต้น ที่ผลการสำรวจความคิดเห็น ปรากฏว่า ประชาชนชาวยูเครน สนับสนุนรัฐบาลเคียฟของพวกเขา ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ทำสงครามต่อต้านรัสเซีย ที่ชาวยูเครนเห็นว่า เป็นผู้รุกราน เพราะข้ามพรมแดนบุกเข้ามาถล่มโจมตีพวกเขา จนได้รับความเสียหายทั้งในชีวิตและทรัพย์สิน ตลอดจนได้รับความเดือดร้อนเป็นประการต่างๆ กระทั่งถึงขั้นทำให้ประชาชนชาวยูเครน ต้องอพยพหลบหนีออกนอกประเทศไปในฐานะผู้ลี้ภัยจำนวนมิใช่น้อย
ล่าสุด ในการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนพลเมืองของทั้งสองประเทศ ปรากฏว่า พลิกขั้วจากการสำรวจโพลล์ครั้งก่อนๆ
ไม่ว่าจะเป็นการสำรวจของทางฟากรัสเซีย ที่ดำเนินการสำรวจโพลล์โดย “ศูนย์วิเคราะห์ ยูริ เลวาดา” เจ้าเดิม ที่ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนพลเมืองชาวรัสเซีย ครั้งหลังสุด ปรากฎว่า ร้อยละ 58 ของกลุ่มตัวอย่างที่ตอบแบบสอบถาม ต้องการให้ทางการทั้งของรัสเซีย และยูเครน ได้เจรจาหารือกัน เพื่อหาแนวทางในการยุติสงครามที่กินเวลายาวนานถึง 2 ปีกว่า เกือบๆ 3 ปี หรือกว่า 1,000 วันเข้าไปแล้ว แต่สถานการณ์สู้รบก็ยังคงดำเนินต่อไป ไม่มีทีท่าว่าจะจบสิ้นกันเสียที
โดยตัวเลขร้อยละ 58 ข้างต้น ก็ต้องบอกว่า แตกต่างสวนทางกับการสำรวจความคิดเห็นครั้งก่อนๆ ของ” “ศูนย์วิเคราะห์ ยูริ เลวาดา” แทบจะสิ้นเชิง เพราะที่ผ่านมา ประชาชนพลเมืองชาวรัสเซียกลุ่มตัวอย่าง ก็มักจะแสดงความคิดเห็นในเชิงสนับสนุนต่อการทำสงครามกับยูเครนตามที่กล่าวแล้วข้างต้น
นอกจากนี้ ในการสำรวจความคิดเห็นชองประชาชนชาวรัสเซีย ยังพบด้วยว่า หากย้อนกลับไปได้ก่อนวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2022 (พ.ศ. 2565) ก็ไม่อยากให้เกิดสงครามการสู้รบกันขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สงครามการสู้รบที่รัสเซียเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ซึ่งความคิดเห็นเช่นนี้ มีจำนวนถึงร้อยละ 40 ด้วยกัน
อย่างไรก็ดี ทางกลุ่มตัวอย่างของประชาชนชาวรัสเซีย ร้อยละ 65 ก็ยังมีความคิดเห็นว่า สงครามการสู้รบที่มีขึ้นระหว่างรัสเซียกับยูเครน ทางชาติมหาอำนาจตะวันตก และองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต ก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วยเช่นกัน จากการแสดงท่าทีที่เป็นภัยคุกคามความมั่นคงต่อรัสเซีย จนทำให้ประธานาธิบดีปูตินของพวกเขา ต้องประกาศใช้ปฏิบัติการพิเศษทางทหารต่อยูเครน เมื่อกว่า 2 ปีที่แล้วนั้น และประชาชนชาวรัสเซียส่วนใหญ่ก็ยังให้ความนิยมชมชอบต่อในตัวของประธานาธิบดีปูตินอยู่เช่นเดิม รวมถึงมีความภาคภูมิใจในความเป็นประเทศรัสเซียของพวกเขาอีกต่างหากด้วย
ขณะที่ ทางฝั่งประชาชนพลเมืองชาวยูเครน โดยการสำรวจความคิดเห็นของ “แกลลัป” ได้เปิดเผยว่า ร้อยละ 52 ของกลุ่มตัวอย่างที่ตอบแบบสอบถาม ต้องการเห็นทางการของพวกเขา เจรจากับทางฝ่ายรัสเซีย เพื่อยุติสงครามการสู้รบที่มีมาอย่างยาวนานกว่า 2 ปีเช่นกัน
บรรดานักวิเคราะห์แสดงทรรศนะว่า จากผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนพลเมืองจากทั้งสองฟากฝั่งข้างต้น ก็จะส่งผลให้นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะประกอบพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มกราคมปีหน้า หยิบยกขึ้นมาใช้เป็นช่องทางในการผลักดันการเจรจากับทั้งประธานาธิบดีปูติน และประธานาธิบดีเซเลนสกี เพื่อยุติการละเลงเลือดของสงครามที่ดำเนินมาเป็นเวลากว่า 1,000 วัน ให้จบสิ้นกันไปได้เสียที ด้วยความคิดเห็นของประชาชนพลเมืองนั้น เป็นสิ่งที่ผู้นำประเทศมิอาจละเลยมองข้ามไปได้ แม้ว่าแนวโน้มของสงครามมีท่าทีจะยกระดับทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นก็ตาม