ย่าสุดช็อคหลานสาวยัย 3 ขวบร้องไห้ฟูมฟายไม่อยากไปโรงเรียน สอบถามหลานจนรู้ว่า หลานชายหัวหน้าศูนย์เด็กเล็กทำอนจาร เด็กวัย 3 ขวบตอบแบบไร้เดียงสา ร่ำไห้คดีไม่คืบหน้าแถมอีกขฝ่ายขู่จะฟ้อง พ่อรู้ข่าวขับรถมาดูลูกร่ำไห้มาตลอดทาง ด้านครูเดช หน.ศูนย์เด็กเล็กปฏิเสธหลายชายไม่ได้ทำ ช่วงเกิดเหตุไม่ได้มาที่ศูนย์เด็กเล็ก หน.ศูนย์ฯอยากให้เรื่องจบขอจ่ายหนึ่งแสนย่าไม่ขอรับยันดำเนินคดีให้ถึงที่สุด นักข่าวบุกพิสูจน์ที่ศูนย์ไม่พบกล้องวงจรปิด นายกอบต.ห่วงเรื่องที่เกิดขึ้นจะบานปลายจะเกิดเรื่องขึ้นอีกรับปากนักข่าวเตรียมติดกล้องวงจรปิดภายในเดือนธ.ค.นี้
วันที่ 1 ธ.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีเรื่องราวของผู้เป็นย่าที่จ.อุดรธานีตรอมใจและทุกข์ใจหนักเมื่อหลานสาววัย 3 ขวบ ถูกหลานชายวัย 12 ขวบของหัวหน้าศูนย์เด็กเล็กที่อบต.ดอนกลอย อ.พิบูลย์รักษ์ ทำมิดีมิร้าย โดยอาศัยจังหวะที่ไปเล่นกับลุงที่เป็นหัวหน้าศูนย์เด็กเล็กที่อบต.แห่งหนึ่งในอ.พิบูลย์รักษ์ ทำอนาจารกับเด็กหญิงวัย 3 ขวบ จนเด็กร้องไห้ไม่อยากไปโรงเรียน ผู้เป็นย่าสงสัยเห็นหลานสาวร้องไห้ฟูมฟายหนักมาก จึงสอบถามจนรู้ว่า หลานสาววัย 3 ขวบถูกหลานชายอายุ 12 ปีของหัวหน้าศูนย์พยายามเอาอวัยวะเพศยัดใส่จิมิ พอเป็นเรื่องหัวหน้าศูนย์อ้างว่า หลานชายไม่ได้ทำแต่อยากให้เรื่องมันจบ ขอจ่ายหนึ่งแสน แต่ทางย่าไม่ยอม จากนั้นโดนข่อีกฝ่ายข่มขู่จะฟ้องหากเอาเรื่องนี้ไปเผยแพร่
ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับนางวิภา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 57 ปี ย่าของด.ญ.เอ (นามสมมติ) อายุ 3 ขวบ นำหลักฐานใบแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับตร.สภ.พิบูลย์รักษ์เพื่อให้ดำเนินคดีกับด.ช.ต้นกล้า อายุ 12 ปี หลานชายของหัวหน้าศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อบต.ดอนกลอย พร้อมกับคลิปวีดีโอหลักฐานที่ผู้เป็นย่ารู้ว่า หลานสาววัย 3 ขวบถูกระทำอนาจาร เพราะหลานร้องไห้ไม่อยากไปโรงเรียน ในคลิปจะได้ยินเสียงของด.ญ.เอวัย 3 ขวบ ร้องไห้ฟูมฟายตลอดเวลา บอกว่า หนูไม่อยากไปโรงเรียน ตอนแรกย่าก็ด่าหลานทำไมหนูไม่อยากไปโรงเรียน โรงเรียนมีอะไรนักหนาถึงไม่อยากไปโรงเรียน เพื่อนๆ ก็ไปกันหมด มีครูเยอะแยะ บอกเหตุผลย่ามาก่อน
ขณะที่ด.ญ.เอก็ร้องไห้หนักมาก หนูไม่อยากไปโรงเรียนค่ะย่า หนูไม่เอา หนูไม่อยากไป เห็นหลานร้องไห้หนักมาก ที่โรงเรียนมีอะไรทำไมไม่อยากไป สุดท้ายด.ญ.เอ ก็บอกว่า ที่โรงเรียนมีคุณโจรค่ะย่า เขาจะทำหนูแบบเดิม เอาหัวหอมและหนอนตัวใหญ่ยัดใส่จิมิหนู แถมหอมแก้มหนู ย่าได้ฟังหลานสาววัย 3 ขวบพูดแบบนั้นแทบช็อค ค่อยๆ สอบถามหลาน หลานสาวก็เล่าต่อว่า พี่ต้นกล้าหลานของครูเดช หัวหน้าศูนย์รังแกหนู ทำให้หนูเจ็บ พี่ต้นกล้าบอกหนูไม่ให้บอกใคร พี่ต้นกล้าเอาหัวหอมและหนอนตัวใหญ่ทำให้หนูเจ็บ เลือดหนูไหลเลยค่ะย่า หนูอยากบอกให้ย่ารู้และอยากให้ย่าดูจิมิหนู เขาเอาหนอนและหัวหอมยัดใส่ข้างในหนู ด.ญ.เอ เล่าให้ย่าฟังแบบไร้เดียงสา จนย่าได้ยินตกใจและช็อคอย่างมาก
อีกทั้งชาวบ้านเล่าให้ฟังว่า ที่ศูนย์เด็กเล็กแห่งนี้แต่ก่อนเคยมีกล้องวงจรปิด แต่ไม่รู้ใครถอดออกไป หากสงสัยให้ไปดูเลยที่ศูนย์มันต้องมีรูน็อตแน่นอน
นางวิภา ย่าของด.ญ.เอ บอกว่า เรื่องราวที่หลานสาวถูกทำมิดีมิร้าย ช่วงประมาณเดือน ต.ค.67 เมื่อวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา หลานสาวปัสสาวะบ่อย จึงพาไปหาหมอ หมอก็บอกว่า ยายทำไมไม่ถามหลานสาวหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้นกับหลานสาว เพราะปกติเด็กรุ่นนี้ไม่มีโรคแบบนี้ พอกลับจากหาหมอตนเองก็ถามหลานสาว เมื่อรู้ความแทบช็อค พอไปปรึกษาหมอ หมอก็บอกว่ายายควรแจ้งความ เพราะหลานติดเชื้อ 3 บวก ตอนแรกยายไม่อยากแจ้งความ แต่ทางหมอที่พิบูลย์รักษ์ส่งตัวไปรพ.ศูนย์อุดรธานี หมอตรวจอวัยวะอักเสบ จึงเดินทางกลับมาแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับหลานของครูเดชหัวหน้าศูนย์เด็กเล็ก เหตุเกิดน่าจะประมาณวันที่ 24 ต.ค.67
ต่อมาทางครูเดชหัวหน้าศูนย์เดินทางมาพูดคุยและไกล่เกลี่ยด้วย ขอจ่ายเงิน 100,0000บาท และมีเจ้าหน้าที่อบต.มาด้วย แต่ตนเองไม่ยอม ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด แต่หลังจากมาพูดคุยไกล่เกลี่ยกันไม่ลงตัว ก็มีคนไปขู่บอกว่า ใครที่อยู่ในกล้องตอนพูดคุยกับตนเอง ห้ามมานั่งใกล้กับย่าของด.ญ.จะฟ้องรายตัวฟ้องเรียกค่าเสียหายเอาเงินล้าน และมีการโพสต์ลงเฟสบุ๊คขู่ฟ้องตลอดเลย
ย่าของด.ญ.เอ กล่าวต่อไปว่า ทางอบต. เขาพยายามให้ไปพูดที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน แต่ตนเองไม่ยอมไป ตอนนี้ดำเนินคดีขั้นตอนทางตร.เตรียมส่งฟ้องอัยการแล้ว เราห่วงหลานสาวจะไม่ได้รับความยุติธรรม พูดตรงๆ อยากให้ความเป็นธรรมกับหลานสาวด้วย เด็กตัวแค่นี้ไปโรงเรียนแต่ไม่มีความปลอดภัย ตอนนี้ไม่ให้หลานสาวไปโรงเรียนแล้ว สงสารหลานมาก เห็นหลานสาวพูดเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟัง เราเอาหลานสาวไปโรงเรียนก็คิดว่าปลอดภัย แต่มาแบบนี้ จิตตกมาก ยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด หากเขาจะรับผิดชอบคงพูดแต่ตอนแรกแล้ว ที่รู้มาหลานชายหัวหน้าศูนย์ทำมาหลายครั้งแล้ว ขนาดพ่อของหลานสาวรู้ข่าวขับรถมาจากโคราช ขับรถมาหาลูกร้องไห้ตลอดเวลา หัวอกคนเป็นย่าน้ำตาไหลตลอดเวลาพร้อมกับปาดน้ำตา
ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับนายครูเดช ที่อบต.ดอนกลอย ครูเดช บอกว่า ปกติหลานชายคือน้องต้นกล้า อาบยุ 12 ขวบจะมาเล่นที่ศูนย์ประจำ แต่ยืนยันหลานชายไม่ได้ทำแน่นอน เพราะที่ช่วงเกิดเหตุหลานชายไม่ได้อยู่ที่อบต.ไปอยู่บ้านยายที่ต.สามพร้าวตั้งแต่วันที่ 11 ต.ค.67 ส่วนวันที่ 24 ต.ค.ที่ทางฝ่ายย่าของด.ญ.เอ อ้างว่ากระทำอนาจาร เขาไม่ได้อยู่แน่นอน ตนเองก็ถามหลานชายแล้วเขาก็บอกว่าไม่ได้ทำ ตอนนี้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้วก็ว่ากันไป ส่วนที่ตนเองไปพูดคุยขอจ่าย 100,000 บาท ไม่อยากมีเรื่องมีราว อยากให้เรื่องมันจบแม้หลานชายจะไม่ได้ทำ เลยขอจ่ายหนึ่งแสน แต่ย่าเรียกสามแสนเลยตกลงกันไม่ได้
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก พบว่า ที่ศูนย์แห่งนี้มีครู 3 คน เด็กประมาณ 20 กว่าคน ตรวจสอบรอบๆ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กไม่มีกล้องวงจรปิดแต่อย่างใด
ด้านนายจรูญ เดชโยธา นายกอบต.ดอนกลอย เปิดเผยว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นตนเองทราบเรื่องแล้ว และไม่ได้ปกป้องครูเดช ตอนนี้ให้ย้ายจากหัวหน้าศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านดอนกลอยมาประจำที่อบต.ดอนกลอยและตั้งคณะกรรมการฯ สอบเรื่องที่เกิดขึ้น เรื่องที่เกิดขึ้นเพื่อความสบายของทั้งทุกฝ่าย แต่เท่าที่ทราบจากครูเดชหลานชายของครูเดชไม่ได้มาที่ศูนย์ตั้งแต่วันที่ 11 จะเกิดเหตุได้อย่างไร ตอนนี้กระบวนการอยู่กระบวนการยุติธรรมแล้วก็ขอให้เป็นกระบวนการยุติธรรมแล้วกัน แต่อย่างไรแล้วเพื่อความสบายใจของผู้ปกครองทุกท่านที่เอาเด็กๆ ไปที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ตนรเองได้ตั้งงบเตรียมติดตั้งวงจรปิดภายในเดือนธ.ค.67 นี้แน่นอน