วันที่ 1 ธ.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า จากกรณี นางสาวจิรันธนิน   อายุ 30 ปี ขับรถเก๋งสีดำ ยี่ห้อ BMW  นครศรีธรรมราช ด้วยความเร็ว 207 กม./ชม.พุ่งชนท้ายรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า สีดำ รุ่นเวฟ 110 ไอ  ชุมพร มีผู้เสียชีวิต 3 ศพ เป็นนักเรียนชายชั้น ม.4 กับนักเรียนหญิงชั้น .2 โรงเรียนดังในเมืองชุมพร ตายพร้อมกับแม่รวม 3 ศพ ขณะแม่ขับไปรับกลังจากเรียนพิเศษ ส่วนสาวที่เป็นคนขับรถ BMW ได้ขอให้ชาวบ้านละแวกเกิดเหตุช่วยหาแมวสายพันธุ์ต่างประเทศจนเจอ แล้วทิ้งรถเก๋งคันหรูอุ้มพาแมวหลบหนีหายไปกับความมืด เหตุเกิดเชิงสะพานถนนสาย จ. หมู่ 9 ต.ตากแดด อ.เมือง จ.ชุมพร เมื่อค่ำวันที่ 27 พ.ย.67 ที่ผ่านมา

จากกรณีดังกล่าวทางสาวคนขับรถเก๋งซึ่งได้ประกันตัวในชั้นศาลออกมาแล้วและญาติพร้อมทนายความ ได้นัดหมายกับ นายประกฤษณ์  อายุ 52 ปี หัวหน้าครอบครัวผู้สูญเสียลูกและเมีย  ไปที่ สภ.เมืองชุมพร เพื่อไกล่เจรจาไกล่เกลี่ยเรื่องการชดเชยเยียวยา โดยมีสื่อมวลชนไปดักรอทำข่าวจำนวนมาก ซึ่งปรากฏฝ่ายแม่ของสาวคนขับรถบีเอ็ม มีพฤติกรรมก้าวร้าวทั้งพลัก ทั้งศอก กระแทกประตูรถใส่นักข่าว แบบกีดกันปกป้องลูกสาวของตนเองไม่ให้สื่อมวลชนได้พูดคุยสอบถามถึงกรณีที่เกิดขึ้น 

นอกจากนั้นในช่วงค่ำวันเดียวกัน ทั้งแม่และลูกสาวที่เป็นคนขับรถเก๋งบีเอ็ม ได้ไปกราบขอขมาศพทั้ง 3 ศพ และขอขมาญาติๆผู้สูญเสียที่บ้าน หมู่ 3 ตำบลทุ่งคา อ.เมือง จ.ชุมพร ยังมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ทั้งใส่แมสปิดปากปิกจมูก สวมหมวกแก๊ปปิดบังใบหน้าอย่างมิดชิด จนญาติๆและนายประกฤษณ์ ต้องบอกให้ถอดหมวกออกเพื่อขอดูใบหน้า แต่ทั้งแม่และลูกสาวก็ทำเฉยไม่สนใจ โดยมีผู้เป็นแม่พยายามปกป้องดูแลลูกสาวตนเองไม่ให้สื่อมวลชนได้ซักถามอะไรได้เลย 

ในขณะที่นางสาวจิรันธนิน ผู้ต้องหาขับรถชนคนตาย 3 ศพ ก็ไม่ยอมพูดจาใด ๆเลย มีแต่เสียงร้องคร่ำครวญ ที่ไม่มีใครสามารถเห็นใบหน้าและแววตาได้เลย  จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ จากญาติๆ และผู้คนที่ไปร่วมงานศพอย่างมาก รวมทั้งในสื่อสังคมออนไลน์ก็มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงพฤติกรรมดังกล่าวของสองแม่ลูกคู่นี้อย่างมาก ว่าขาดความจริงใจ ขาดความสำนึก เกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้น

 

โดยผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านงานศพสามแม่ลูกซึ่งยังมี ประชาชน ผู้ประกอบการ หน่วยงานราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถาบันการศึกษา และชาวบ้านทั่วไป ที่เป็นญาติ เป็นคนรู้จัก และไม่รู้จักกันมาก่อน แต่ทราบจากข่าวที่สื่อมวลชนที่นำเสนอ จึงเกิดความสะเทือนใจ สงสาร และเห็นอกเห็นใจ ได้นำหรีดมาวางอาลัย และนำสิ่งของน้ำดื่ม เครื่องอุปโภคบริโภค มาช่วยเหลือในการจัดเลี้ยงบริการแขกเหรื่อที่มาร่วมงานฟังพระสวดอภิธรรมศพ

ด้าน นายประกฤษณ์  อายุ 52 ปี หัวหน้าครอบครัวที่สูญเสียภรรยาและลูกๆ ทั้ง 3 ศพ ได้พาผู้สื่อข่าวเข้าไปพบกับคุณแม่อายุ 85 ปี ที่ป่วยชรานอนติดเตียงอยู่ภายในบ้าน โดยมีญาติได้สับเปลี่ยนกันมาคอยดูแลในช่วงที่มีงานศพ โดยนายประกฏษณ์ ได้พูดกับผู้สื่อข่าวด้วยเสียงสั่นเครือและน้ำตาที่ไหลหยดลงอาบแก้มว่า  ตอนนี้ชีวิตตนมืดมนไปหมด เหลือเพียงแม่ที่นอนป่วยติดเตียงมา 1 ปี 9 เดือน ชีวิตตนแย่ลงไม่มีกำลังใจอะไรแล้ว เมื่อก่อนยังมีลูกมีเมียเรายังหันไปพูดคุยให้กำลังใจกันได้ วันนี้หมดทุกอย่าง  ต่อไปหลังจากเสร็จงานศพลูกและเมีย ตนจะต้องอยู่ตามลำพังเพียงคนเดียว และจะต้องดูแลแม่ที่นอนป่วยติดเตียงด้วย ตนยังไม่รู้ว่าชีวิตข้างหน้าตนจะอยู่อย่างไร 

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้พานายประกฤษณ์ ออกมาด้านนอก เพื่อสอบถามถึงกรณีจะไม่ฌาปนกิจศพตามที่กำหนดไว้ในวันที่ 2 ธันวาคม 2567 ออกไปอย่างไม่มีกำหนด โดยนายประกฤษณ์กล่าวว่าได้ปรึกษากับทางญาติๆแล้ว เห็นว่าเราควรจะเก็บศพ 3 แม่ลูกไว้ก่อน โดยจะเคลื่อนศพไปทำพิธีเก็บที่สุสานมูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์ ในวันที่ 3 ธันวาคมนี้ และจะขอเผาศพต่อเมื่อเรามีความยุติธรรมมาถึง เพราะตอนนี้เรายังไม่มีความมั่นใจอะไรเลย เมื่อวานการเจรจาไกล่เกลี่ยเรื่องการเยียวยาชดเชย ฝ่ายคนขับรถบีเอ็มมีญาติและจ้างทนายความมาอย่างดี ส่วนตนไปแบบความบริสุทธิ์ใจ ก็ยังไม่ยุติต้องเลื่อนออกไปก่อน

ทั้งนี้ นายประกฤษณ์กล่าวต่อว่า อีกกรณีที่ฝ่ายคนขับรถชนลูกและเมียตน มาขอขมาศพ ขอขมาตนและญาติๆ ตนมองว่ายังขาดความจริงใจ เพราะมาขอขมาแต่ปิดบังอำพรางไม่ให้ใบหน้าเลย ญาติบอกให้ถอดหมวกออกก็ยังเฉย ตนถือว่าไม่บริสุทธิ์ใจ เป็นการจัดฉากสร้างภาพเพื่อใช้เป็นเหตุบรรเทาโทษเสียมากกว่า 

ขณะที่ นางเสรี  อายุ 75 ปี (แม่ยายสามีคนตาย) นางสาวกาย อายุ 41 ปี นางสาวแพรว อายุ 38 ปี ซึ่งเป็นแม่และน้องสาวของ นางเย็นจิตร อายุ 52 ปี ผู้เสียชีวิตพร้อมกับลูกๆ โดยนางสาวแพรว กล่าวว่า เมื่อวานที่คนขับรถบีเอ็มมาขอขมาศพและขอขมาญาติๆ ตนมองว่าไม่มีความจริงใจ เพราะปิดหน้าตามามิดชิด และตนเองเป็นคนตะโกนบอกว่าให้เปิดหมวกเพราะอยากเห็นหน้า และพี่เขยตนก็บอกให้เปิดหมวก แต่กลับทำเฉย ทำให้รู้สึกว่าไม่จริงใจ ที่เราให้เขาถอดหมวกออกเพราะอยากดูสีหน้า สายตา แววตา เขาว่ามีความจริงใจขนาดไหน อีกทั้งไม่ยอมพูดอะไรเลยแม้แต่คำว่าขอโทษก็ไม่มี เราได้ยินแต่เพียงเสียงร้องไห้เท่านั้น น้ำตาเราก็ไม่เห็นว่ามีหรือไม่ เพราะแมสกับหมวกปิดบังหมด 

นางสาวแพรวกล่าวต่อว่า อีกเรื่องที่ตนสงสัยมาก อยากให้ตำรวจตรวจสอบให้หมดว่าคนขับรถบีเอ็มมีสารเสพติดในร่างกายอะไรบ้าง นอกจากแอลกอฮอล์ เพราะพฤติกรรมหลายคนสงสัยมากว่าเมาสุราเพียงอย่างเดียวหรือ แล้วทำไมถึงขับรถด้วยความเร็วด้วยคึกคะนองในลักษณะนั้น

 

ต่อมาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่เกิดเหตุอีกครั้ง โดยเริ่มขับจากทางคู่ขนาดฝั่งขาออกบริเวณเชิงสะพานทางขึ้น จนถึงเชิงสะพานทางลงซึ่งเป็นทางโค้งหักขวา ถนนเป็นลักษณะ 3 ช่องทาง โดยมีช่องทางขวาสุดชิดกับราวสะพานและเมื่อลงจากสะพานจะชิดกับเกาะกลางถนน ส่วนเลนกลางเป็นช่องทางซ้าย และเลนซ้ายสุดเป็นไหล่ทางหรือเส้นทางเบี่ยงเพื่อเบี่ยงออกเมื่อลงจากสะพาน โดยจุดเกิดเหตุยังมีเศษชิ้นส่วนรถเก๋ง BMW ที่เสียหายหลงเหลืออยู่จำนวนหนึ่ง 

ซึ่งผู้สื่อข่าวได้สำรวจจนถึงจุดบริเวณที่อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 700 เมตร และได้ภาพกล้องวงจรปิด ซึ่งพบว่ามีภาพของคนขับรถบีเอ็มได้เดินอุ้มแมวมาถึงจุดดังกล่าว จากนั้นได้เดินข้ามเกาะกลางไปยังถนนทางด้านขาเข้า ซึ่งมีถนนซอยแยกเข้าไปในที่ทำการของ อบต.ตากแดด สามารถทะลุออกตัวเมืองชุมพรได้ ซึ่งคาดว่าจะเป็นจุดที่ไปแอบซุ่มรอให้คนมารับกลับไปบ้าน ก่อนเดินทางไปมอบตัวกับตำรวจในช่วงเวลา 02.00 น.ของวันใหม่