“ทัพเรือ” เผย “ทรภ.3” ประสานสถานีเรือ 58 เกาะย่านเชือก เมียนมา ขอตัว 4 ลูกเรือประมงกลับ แจง เหตุ เรือรบเมียนมา ยิงเรือประมงไทย เหตุเรือประมงไทย 15 ลำ ทำประมงในน่านน้ำเมียนมา

    

เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.67 พลเรือเอก พาสุกรี วิลัยรักษ์  โฆษกกองทัพเรือ ชี้แจงถึงกรณี  เรือรบเมียนมาใช้อาวุธต่อเรือประมงไทย  ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว ทัพเรือภาคที่ 3 / ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค 3 ได้รับแจ้งจากเรือมหาลาภธนวัฒน์ 4   เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 เวลา 00.45 น. ว่าขณะที่เรือกำลังทำการประมง ร่วมกับกลุ่มเรือประมงบริเวณพื้นที่ ด้านทิศตะวันตกของเกาะพยาม จังหวัดระนอง

กลุ่มเรือประมง ได้ถูกเรือรบเมียนมาทำการใช้อาวุธ โดยตัวเรือได้รับความเสียหายน้ำเข้าเรือปริมาณมาก และมีผู้บาดเจ็บ จำนวน 2 คน โดยเรือรบเมียนมาได้เข้าจับกุมเรือประมงไทย จำนวน 1 ลำ คือ เรือ ส เจริญชัย 8 โดยมีลูกเรือ จำนวน 31 คน ถูกจับกุมไปยังเกาะย่านเชือก  ประเทศเมียนมา ทัพเรือภาคที่ 3 โดย พลเรือโท  สุวัจ ดอนสกุล ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่  3  /ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 3 ได้สั่งการให้ เรือ ต.274 ให้การช่วยเหลือเรือประมงที่ได้รับความเสียหายรวมถึง เข้าค้นหาและช่วยเหลือลูกเรือประมง ดวงทวีผล 333 ที่ได้รับบาดเจ็บ และพลัดตกน้ำ

ซึ่งผลการค้นหาพบว่ามีผู้เสียชีวิต1 ราย  คาดว่าเกิดจากการสำลักน้ำขณะโดดน้ำหนี และผู้รับบาดเจ็บ2 ราย คือ นาย ศรีเพ็ชร  บุตรทัด อายุ 44 ปี ทำหน้าที่ ไต๋เรือ มหาลาภธนวัฒน์ 4 ได้รับบาดเจ็บบริเวณศีรษะ และลูกเรือชาวเมียนมาไม่ทราบชื่อ ได้รับบาดเจ็บจากการ ถูกกระแสไฟฟ้าช๊อตตามร่างกาย โดยได้นำผู้บาดเจ็บทั้ง2 ราย  มาส่งท่าเทียบเรือน้ำลึก จ.ระนอง เพื่อเข้าทำการรักษาที่โรงพยาบาลจังหวัดระนองต่อไป โดยมอบให้ศูนย์ประสานงานชายแดนทางทะเลไทยเมียนมา ส่งกำลังพลเข้าไปร่วมสังเกตุการณ์และช่วยเหลือในการนำส่ง  โดยสรุป ได้ช่วยเหลือเรือประมงทั้งหมดจำนวน 2 ลำ ประกอบด้วย เรือดวงทวีผล 333 มีลูกเรือ 29 คน ( เสียชีวิต 1 คน ) และ เรือมหาลาภธนวัฒน์ 4 มีลูกเรือ 33 คน (บาดเจ็บ 2 คน)

โฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่า ในส่วนของ การดำเนินการในขั้นตอนต่อไปคือการประสานงานตามกลไกของคณะกรรมการ ในการเจรจานำเรือและลูกเรือประมงกลับสู่ประเทศไทย โดยในส่วนของ ศูนย์ปฏิบัติการทัพเรือภาคที่ 3  ได้สั่งการให้ ศูนย์ประสานงานประมงชายแดนทางทะเลไทย - เมียนมา ติดต่อประสานงานกับ ผู้บังคับการสถานีเรือ 58  เกาะย่านเชือก ประเทศเมียนมา เพื่อติดตามสถานการณ์เรือประมงและลูกเรือที่ถูกจับกุม ซึ่งทราบว่า  เรือรบเมียนมาได้ดำเนินการจับกุมเรือประมงไทยจำนวน1 ลำจริง   โดยทางการเมียนมา  กล่าวอ้างว่ามีกลุ่มเรือประมง จำนวนประมาณ 15 ลำเข้าไปทำการประมงในเขตน่านน้ำเมียนมา และจากการตรวจสอบพบว่า เรือประมงทั้ง 15 ลำ เป็นเรือจาก อ.คุระบุรี จ.พังงา ที่เข้ามาหากินทำการประมงในเขตน่านน้ำของ จ.ระนอง ซึ่งอาจไม่ชำนาญพื้นที่บริเวณดังกล่าว

ทั้งนี้ ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจทหารราบที่ 25/ประธานคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่นไทย - เมียนมา จังหวัดระนอง (ประธาน TBC ฝ่ายไทย) จะมีการประชุมร่วมกับกับคณะกรรมการชายแดนไทยส่วนท้องถิ่นไทย - เมียนมา จังหวัดเกาะสอง (ประธาน TBC ฝ่ายเมียนมา) เพื่อพิจารณาแนวทางการให้ความช่วยเหลือลูกเรือประมงที่ถูกจับกุม พร้อมทั้งขอให้ปล่อยตัวลูกเรือสัญชาติไทยทั้ง 4 คนพร้อมเรือประมงกลับประเทศไทย 

นอกจากนี้เลขานุการ TBC ฝ่ายไทย ได้มีการประสานงานทางข้างไปยังเลขานุการ TBC ฝ่ายเมียนมาแล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างการประสานกับผู้บัญชาการยุทธศาสตร์ จังหวัดเกาะสอง

 โฆษกกองทัพเรือ  กล่าวว่า ทัพเรือภาคที่ 3  ยังคงจัดกำลัง ลาดตระเวนในพื้นที่ และยืนยันการรักษาอธิปไตยในน่านน้ำไทย เพื่อสร้างความอุ่นใจให้กับชาวประมงที่ทำกินโดยสุจริต

โดยศูนย์ปฏิบัติการทัพเรือภาคที่ 3 ได้เพิ่มเติมกำลังโดย จัดเรือ ต.993  ออกเรือลาดตระเวนในพื้นที่ เพื่อรักษาความปลอดภัยในเขตน่านน้ำไทย กับให้ หน่วยปฏิบัติการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ที่ 451 ทำการตรวจการณ์  พลอตเป้าติดตามเรือในพื้นที่ และทำการแลกเปลี่ยนข้อมูลเป้าให้กับเรือที่ปฏิบัติการในพื้นที่เพื่อแจ้งเตือนให้กลุ่มเรือประมงในพื้นที่ได้รับทราบและหลีกเลี่ยงการทำการประมงในพื้นที่ที่อาจไม่ปลอดภัย

พร้อมทั้งป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ โดยประสานให้ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 3 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ประชาสัมพันธ์จังหวัดระนอง   ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดระนอง   ศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัดระนอง  สมาคมประมงจังหวัดระนอง  รวมถึงเครือข่ายประมงในพื้นที่  ประชาสัมพันธ์ให้เรือประมงไทย ทำการประมงในเขตน่านน้ำไทย โดยไม่เข้าไปทำการประมงในพื้นที่ที่มีความความเสี่ยงเพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าใจผิด