วันที่ 29 พ.ย.2567 เวลา 11.30 น.ที่รัฐสภา นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย แถลงเรียกร้องไปยังกลุ่มการเมืองหรือบุคคคลบางคนที่จะปลุกกระแสเรื่องการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ระหว่างไทย กับ กัมพูชา ที่อาจเป็นประเด็นทำให้ไทยเสียดินแดนว่า ควรยุติการกระทำ และอย่าเอาความเท็จมาจุดกระแสหรือปลุกปั่นเหมือนกระแสคลั่งชาติ และความเท็จในอดีตมาทำให้ความมั่นคงและประเทศชาติเสียหาย ขอเรียกร้องให้คนที่จะออกไปดำเนินการประท้วง หรืออะไรก็แล้วแต่ เอาความจริงมาคุยกันแล้ว เราคนไทยด้วยกันไม่ว่าจะสีอะไรก็คนไทยด้วยกันมาพูดคุยกันดีกว่า เพราะจะสร้างผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาล รวมถึงกระทบความมั่นคงของประเทศ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เมื่อปี2551 ที่ตนถูกโจมตีและใส่ร้ายว่าเป็นผู้ที่ทำให้ไทยเสียดินแดนจากกรณีปราสาทเขาพระวิหาร

“ผมขอเรียกร้องให้รัฐบาลใช้กลไกของรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 เพื่อเปิดประชุมรัฐสภาอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ทั้งฝ่ายรัฐบาล สส.ฝ่ายค้าน และสว. อภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อลดลมออกจากใบเรือของกลุ่มที่จะลงถนน การใช้เวทีสภา เพื่อแก้ปัญหา ถือเป็นการหาทางออกร่วมกัน และคนจัดม็อบสามารถคุยผ่านตัวแทนในสภาฯ ได้ ซึ่งจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ผมไม่อยากแสดงความเห็นว่าม็อบจุดติดหรือไม่ เพราะอยู่ที่รัฐบาลว่าจะสามารถทำเรื่องนี้ให้ประชาชนเกิดความเข้าใจได้มากน้อยแค่ไหน” นายนพดล กล่าว

นายนพดล กล่าวย้ำว่า สำหรับการเจรจาของผลประโยชน์ทางพลังงานยืนยันว่าตามกรอบเอ็มโอยู 44 ต้องเจรจาในประเด็นหลักเขตที่ 73 ให้แล้วเสร็จก่อน ส่วนกรณีที่ก่อนหน้านั้นกัมพูชาได้ลากเส้นเองนั้น ไม่ถือว่าเป็นเส้นที่สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ และไม่เป็นไปตามกรอบของเอ็มโอยู44 ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลสำคัญที่กัมพูชาต้องเจรจาเส้นเขตแดนกับไทยตามกรอบกฎหมายระหว่างประเทศ