“ราชทัณฑ์” สยบข่าว “ทนายตั้ม” ถูกจองกฐินทำร้ายร่างกาย ยันยังสบายดี พร้อมแจง “จนท.” หาม “สามารถ”เข้ารพ.ราชทัณฑ์ หลังอดข้าว 4 วัน เผยสาเหตุ “อ่อนเพลีย-ความดันตก” ด้าน “ทนายบอสพอล” เปลี่ยนเกมบุกร้อง “ป.ป.ช.” 29 พ.ย.นี้ อัด “ดีเอสไอ” ทำงานตามกระแส ส่วน “ตร.”จ่อแจ้งข้อหา “ฟิล์ม รัฐภูมิ” ปมคลิปเสียงเรียกเงิน “บอสดิไอคอน”ภายในสัปดาห์
เมื่อวันที่ 28 พ.ย.67 นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผู้อำนวยการกองทัณฑวิทยา รักษาราชการแทน ผู้อำนวยการทัณฑสถานหญิงกลาง ในฐานะรองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ มีกระแสข่าวว่า นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาความผิดฐาน "ร่วมกันฟอกเงินและสมคบตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อฟอกเงิน" คดีเงิน 39 ล้านบาท ของ นางจตุพร อุบลเลิศ หรือเจ๊อ้อย จะถูกทำร้ายภายในเรือนจำ ทางผู้บริหารกระทรวงยุติธรรมและกรมราชทัณฑ์จึงมีความห่วงใย และสั่งการให้เข้าไปตรวจสอบ ซึ่งตนเองได้พูดคุยกับทนายตั้มแล้ว พบว่าสบายดี ไม่ได้ถูกทำร้ายตามที่มีกระแสข่าว ตอนนี้เริ่มปรับตัวได้ รับประทานอาหารได้ มีนอนไม่หลับบ้างเป็นปกติ แต่ว่าไม่มีอะไรน่ากังวล ทั้งนี้ ทางเรือนจำก็ให้ความสำคัญ กับเรื่องของความปลอดภัย จึงพยายามจัดไม่ให้เจอกันกับผู้ต้องขังที่เป็นคู่กรณีกัน ไม่ใช่แค่กรณีของทนายตั้ม แต่รวมถึงทุกกรณี
นางกนกวรรณ ยังเปิดเผยถึงกรณีที่ทนายความของ นายสามารถ เจนชัยจิตรวณิช อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ผู้ต้องหาในคดีร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงินออกมาระบุเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้ส่งตัวนายสามารถไปทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เนื่องจากมีอาการอ่อนเพลีย หลังอดอาหารมาเป็นเวลาเกือบ 4 วัน ว่า เนื่องด้วยนายสามารถไม่ได้รับประทานอาหารมาหลายวันตั้งแต่ก่อนเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ จึงมีอาการความดันตกเล็กน้อย และอาจรวมถึงมีอาการเครียด แต่ไม่ได้มีอาการปวดท้องร่วมด้วย ทำให้ช่วงเย็นวันที่ 27 พ.ย. จึงต้องส่งตัวไปรับการรักษาที่รพ.ราชทัณฑ์ แต่ยืนยันว่านายสามารถได้ดื่มน้ำ แต่เพียงไม่ได้รับประทานอาหารหลายมื้อ ส่วนนายสามารถจะต้องนอนพักรักษาตัวนานเท่าไรนั้น ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยโดยแพทย์ของโรงพยาบาลราชทัณฑ์เป็นหลัก
ด้าน นายวิฑรูย์ เก่งงาน ทนายความของ “บอสพอล” นายวรัตน์พล ผู้ก่อตั้งและซีอีโออาณาจักรธุรกิจออนไลน์ ดิไอคอนกรุ๊ป ส่ง tiktok มีความยาวกว่า 8 นาที ให้กลุ่มนักข่าว ระบุเนื้อหาบางส่วนว่า “รู้สึกเศร้าใจกับกระบวนการยุติธรรมในช่วงนี้มาก จึงตั้งข้อสังเกตว่าหลายๆอย่าง เหมือนทำคดีตามกระแส เกิดเหตุการณ์หลายอย่างมากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จนผมคิดว่าถึงจุดที่ต้องพูดแล้ว ข้อเท็จจริงหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่องฉ้อโกงประชาชนที่ตั้งเรื่องมาจากทางกองปราบฯ ซึ่งตั้งมาก็แก้กันไป แต่สิ่งที่ผมไม่ได้มาอย่างแรก ก็คือชื่อผู้กล่าวหา 10,021 ชื่อ ซึ่งตอนนี้ตามที่ดีเอสไอ แถลงข่าวเหลือ 9,000 คน ไม่รู้ว่าผู้เสียหายจริงและผู้เสียหายที่ไม่จริงจำนวนเท่าไหร่ คนที่ได้รับของไปแล้วขายของไม่ได้ ไม่ใช่ผู้เสียหายตามกฎหมายอาญา จึงอยากจะเรียนกับทุกท่านว่าในวันที่ 29 พ.ย.นี้ ผมจะไปที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ”
ส่วน พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม (รองผบก.ป.) เปิดเผยว่า หลังพนักงานสอบสวนสอบปากคำผู้ต้องหาในคดี ดิไอคอน ในเรือนกลางจำพิเศษกรุง โดยมีการนำข้อมูลมาประกอบซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณา ว่าการกระทำของ นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือ ฟิล์ม รัฐภูมิ และ น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ เข้าข่ายความผิดเกี่ยวกับเรื่องใดบ้าง ระหว่างเป็นข้อหาพยายามฉ้อโกง หรือกรรโชกทรัพย์ หากเข้าข้อหาฉ้อโกงจะเกี่ยวกับศาลแขวง ซึ่งจะมีการพิจารณาออกหมายเรียก แต่หากเป็นข้อหากรรโชกทรัพย์มีอัตราโทษสูงอาจจะพิจารณาออกหมายจับ ซึ่งคาดว่าสัปดาห์นี้จะสามารถดำเนินการได้ตามกรอบเวลา ส่วนเรื่องของนายเล็กคนขับรถของ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ที่พบว่าขับรถไปขนเงิน 39 ล้าน นั้น ในเบื้องต้นนายเล็กให้การครบถ้วนทุกอย่าง ซึ่งตรงกับพยานหลักฐานที่ตำรวจมี จึงเชื่อได้ว่านายเล็กเป็นเพียงลูกน้อง และทำตามคำสั่ง จึงไม่ได้เข้าข่าย