จากกรณีที่นายสุดรัก อายุ 48 ปี รมควันตัวเองเสียชีวิตในรถเก๋ง ยี่ห้อเอ็มจีสีเหลือง เหตุเกิดที่บริเวณถนนตำนานป่า หมู่ 7 ตำบลเพ อำเภอเมืองระยอง จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้มาตรวจสอบพร้อมแจ้งให้นายพงศกรณ์ อายุ 56 ปี พร้อมญาติผู้เสียชีวิตมายังจุดที่เกิดเหตุ จากนั้นพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีได้ให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิสว่างพรกุศลระยองนำศพไปชันสูตรที่รพ.ระยองเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตอีกครั้ง  ขณะที่เจ้าหน้าที่มูลนิธิสว่างพรกุศลระยองได้ขับรถนำศพไปที่รพ.ระยอง นายพงศกรณ์ พร้อมด้วยญาติได้ขับรถเก๋งมาสด้า 3 สีดำตามไปรพ.ระยอง แล้วเกิดไปประสบอุบัติเหตุชนกับรถเก๋ง โตโยต้า สีบอร์น ของนายสิวริศร อายุ 36 ปี ซึ่งห่างจากที่เกิดเหตุเพียง 1 กิโล ซึ่งสภาพรถพังเจ็บและได้รับบาดเจ็บทั้ง 2 คัน นำตัวส่งรพ.ระยอง จากนั้นได้นำรถที่เกิดอุบัติเหตุทั้ง 2 คัน ไปจอดซ่อมที่อู่ช่างเคน ต.เพ อ.แกลง จ.ระยอง 

วันที่ 29 พ.ย.67  เวลา 00.30 น. พ.ต.ต.กิตติชัย วงษ์เปี้ย สว.(สอบสวน) สภ.เพ จ.ระยอง ได้รับแจ้งมีเหตุไฟไหม้ที่อู่ช่างเคน ต.เพ อ.เมือง จ.ระยอง จึงได้รายงานผู้บังคับบัญชารับทราบและรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ เมื่อถึงที่เกิดเหตุพบกลุ่มควันไฟพวยพุ่งและไฟโหมลุกไหม้แดงฉานจึงได้ประสานดับเพลิงเทศบาลตำบลบ้านเพ มาระดมฉีดน้ำใช้เวลากว่า 30 นาที เพลิงจึงสงบ 

จากการสอบถามนายเคน (เจ้าของอู่) เปิดเผยว่าเมื่อกลางวันได้นำรถญาติผู้เสียชีวิตเหตุรมควันที่เกิดอุบุติเหตุรถชนกัน 2 คัน มาจอดไว้ที่อู่เพื่อทำการซ่อมขณะที่จอดรอซ่อม กลางดึกจู่ๆก็เกิดไฟลุกไหม้จากรถญาติผู้เสียชีวิตและลุกลามไปไหม้รถคันอื่นอย่างรวดเร็ว ทำให้ไฟลุกลามไหม้รถไปถึง 3 คัน ตนแองจึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่มาช่วยกันระดมฉีดน้ำ โชคดีไฟไม่ลามไปถึงอู่ ตนเองคาดว่าน่าจะเกิดจากระบบไฟฟ้าของรถที่ประสบอุบัติเหตุ หรืออาจเกิดจากอาถรรพ์ดวงวิญญาณของผู้เสียชีวิตที่ติดตามรถมา เพราะญาติได้จุดธูปเชิญดวงวิญญาณของผู้ตายให้ตามมาด้วยทำให้เกิดไฟลุกไหม้อันนี้เป็นเรื่อความเชื่อส่วนบุคคล อย่างไรก็ตามจะให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุของการเกิดเหตุไฟลุกไหม้รถอีกครั้ง

ส่วนชาวบ้านที่มามุงดูเหตุการณ์ต่างวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนาๆถึงสาเหตุของเพลิงที่ลุกไหม้รถญาติผู้เสียชีวิต บางคนได้พูดว่าอาจเกิดจากดวงวิญญาณของผู้เสียชีวิตที่ติดตามรถมาทำให้เกิดอุบัติเหตุรถชนกันและยังมาเกิดเพลิงลุกไหม้รถภายในอู่อีก

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะสอบสวนนายเคน (เจ้าของอู่) พร้อมกับตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในอู่และประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบที่เกิดอีกครั้งเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป