ดนตรี / วรรณากร

มาดิ ดิอาซ เป็นศิลปินอีกรายที่ระบบสุ่มของแอพพลิเคชันสตรีมมิงเพลงส่งมาให้ถึงที่ และกลายเป็นการค้นพบที่น่าสนใจขึ้นมา

ดิอาซ เป็นสาวอเมริกันลูกครึ่งเชื้อสายเปรู-เดนมาร์ก เติบโตในเพนซิลเวเนีย พ่อของเธอเป็นทั้งช่างไม้และนักดนตรี ขณะที่ ดิอาซ มีโอกาสร่ำเรียนเปียโนตั้งแต่อายุ 5 ขวบ ก่อนจะเปลี่ยนมาจับกีตาร์เป็นหลักในภายหลัง

เธอยังเคยเข้าเรียนที่วิทยาลับดนตรีเบิร์กลีในบอสตัน แต่ก็หยุดเรียกกลางคัน หลังจากออกอัลบั้มชุดแรก จากนั้นก็ไปหาประสบการณ์ทำดนตรี เขียนเพลงและหาลู่ทางการเป็นศิลปินที่แนชวิลล์ เมืองหลวงของดนตรีคันทรี

ศิลปินหญิงสายวัย 38 ปีรายนี้เคยมีผลงานก่อนหน้านี้มาแล้วหลายชุด ผลงานชุดแรกของเธอที่ชื่อว่า Skin and Bone ออกมาตั้งแต่ปี 2550 แต่เธอออกอัลบั้มไม่บ่อยนัก แต่ละชุดก็ทิ้งช่วงห่างกันหลายปี ส่วนอัลบั้มชุด Weird Faith เป็นผลงานชุดที่ 5 ของเธอ หลังจากมีผลงานชุด History of a Feeling ออกมาเมื่อ 3 ปีก่อนและทำให้เธอเป็นที่รู้จักมากขึ้น

ในภาพรวมแล้ว Weird Faith คืออัลบั้มโฟล์ค / ป็อป-ร็อคที่เรียบง่าย แต่ให้ความรู้สึกที่จับใจคนฟังได้มากอย่างไม่น่าเชื่อ โดยมีสิ่งดึงดูดสำคัญคือเสียงร้องและเรื่องราวในบทเพลงของเจ้าของงาน

ความโดดเด่นในงานของ ดิอาซ ก็คือการเปิดเปลือยความรู้สึกอย่างซื่อตรงและจริงใจ เมื่อมีเนื้อหาในเพลงและเสียงร้องที่เข้ากันได้เป็นอย่างดี ทำให้ Weird Fatih มีแต่บทเพลงที่เล่าเรื่องได้อย่างน่าประทับใจ ซึ่งทำให้เราพลอยฟังอย่างตั้งอกตั้งใจไปโดยไม่รู้ตัว

ดิอาซ สามารถพูดถึงความรักเคียงข้างไปกับความรุนแรงและความตายได้อย่างแนบเนียนใน “Kiss The Wall”  เธอตั้งคำถามต่อโลกและตัวเองได้อย่างน่าฟังด้วยเสียงร้องที่สดใสและชัดเจนใน “God Person”

นอกจากนี้ยังมี “Girfriend” ที่เล่าถึงความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน, “Hurting You” มีเสียงร้องที่อ่อนหวาน ขัดกับเนื้อเพลง ส่วน “Don’t Do Me Good” คือเพลงรักที่นุ่มนวลและค่อย ๆ แทรกเข้าไปในความรู้สึก เล่าถึงความในใจของหญิงสาวและความรักที่ยากจะตัดใจ แม้จะรู้ว่าเป็นความรักที่ทำร้ายตัวเอง

Weird Faith เป็นผลงานพิสูจน์ที่ได้ชัดเจนว่า ดิอาซ มีความสามารถอย่างยิ่งในการดึงคนฟังเข้าสู่โลกของเธอ ไม่ว่าสิ่งที่เธอถ่ายทอดออกมาจะแฝงไว้ด้วยเงาหม่นและร่องรอยของความเศร้ามากแค่ไหน เราก็ยังคงรับฟังไว้อย่างยินดี