"ประเสริฐ" ระบุแกนนำ "เพื่อไทย" เกาะติด-ประเมิน "สนธิ" ประกาศลง ถนนบุกทำเนียบฯ ขอคำตอบปมเอ็มโอยู 44 ไม่เชื่อจุดม็อบติด เผยบริบทการเมืองและความรู้สึก "ปชช." เปลี่ยนไป ด้าน "ทักษิณ" ลุยเหนือ หาเสียงสู้ศึกเลือกตั้งนายก อบจ.เชียงใหม่ ปิดท้ายจ็อบสิ้นปีศรีสะเกษ จับตา ! ครม.สัญจรเชียงใหม่ เคาะแจกเงินหมื่น "เฟส 2"
ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 28 พ.ย.67 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล จะนำมวลชนมาที่หน้าทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 9 ธ.ค.นี้ เพื่อยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี คัดค้านบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทย และกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน ฉบับปี 2544 ว่า เป็นมุมมองของนายสนธิ แต่ตนเห็นว่าเรื่องนี้มีวิธีอื่นที่จะสามารถแก้ไขปัญหาได้ดีกว่านี้เช่นการพูดคุยกัน เพราะในเรื่องที่จะนำมวลชนมาเหมือนในอดีต วันนี้บริบททางการเมืองเปลี่ยนไปในระดับหนึ่งแล้ว และเรื่องนี้เริ่มต้นจากการที่รัฐบาลทำถูกใจบ้าง ไม่ถูกใจบ้าง จึงอยากให้มีการแลกเปลี่ยนและพูดคุยกันจะเป็นประโยชน์มากกว่า
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในฝ่ายรัฐบาลมีใครสามารถพูดคุยกับนายสนธิได้ นายประเสริฐ กล่าวว่า ยังไม่ทราบ แล้วแต่ว่าจะมีการมอบหมายใคร เมื่อถามว่า การที่นายสนธิหยิบประเด็นเรื่องเอ็มโอยู44 เพราะคิดว่าจะสามารถปลุกระดมประชาชนขึ้นมาได้ นายประเสริฐ กล่าวว่า ที่จริง รัฐบาลยังไม่ได้ทำอะไรเสียหายในเรื่องนี้ และรัฐบาลได้ชี้แจงตลอดเวลา รวมถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีหลายคนเคยให้ข่าวแล้วเช่นกัน หากนำเรื่องนี้มา ก็ยังไม่ใช่ประเด็นที่จะปลุกมวลชนไปสู่การลงถนนหรืออะไรต่างๆ
เมื่อถามว่า ในพรรคเพื่อไทยได้มีการหารือหรือประเมินเรื่องนี้บ้างหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า แกนนำพรรคเพื่อไทยได้พูดคุยและประเมินสถานการณ์ตลอดเวลา เพราะเรื่องการเมืองต้องมีการวางยุทธศาสตร์ และจับตาดูสถานการณ์ตลอด รัฐบาลได้ชี้แจงเรื่องนี้ไปแล้ว เมื่อถามว่า มีความเป็นห่วงในเรื่องนี้หรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า ตนไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเป็นประเด็น แต่รัฐบาลทำความเข้าใจกับประชาชนอยู่แล้ว เมื่อถามว่า นายสนธิห่างหายจากเวทีชุมนุมไปนาน คิดว่าครั้งนี้การชุมนุมดังกล่าวจะจุดติดหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า บริบททางการเมืองและความรู้สึกของประชาชนเปลี่ยนไปแล้ว ดังนั้นเรามาตัดสินกันในเรื่องดังกล่าวด้วยเหตุด้วยผลดีกว่า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ หรือครม.สัญจร ครั้งแรกของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่จ.เชียงใหม่ ในวันที่ 29 พ.ย.นี้ มีวาระที่น่าสนใจนอกเหนือจากวาระที่คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) มีมติเห็นชอบเงินช่วยเหลือชาวนา ช่วยค่าเก็บเกี่ยวและปัจจัยการผลิตข้าว เป็นเงินไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 10 ไร่ หรือไม่เกินครัวเรือนละ 10,000 บาทแล้ว วงเงินงบประมาณ 3.8 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีวาระสำคัญที่จะเข้าสู่การพิจารณา โดยกระทรวงการคลัง เตรียมเสนอขอความเห็นชอบนโยบายรัฐบาลเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการแจกเงินดิจิทัลเฟส 2 ให้กับผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 3-4 ล้านคน ซึ่งวางไว้ให้สามารถใช้จ่ายได้ก่อนช่วงตรุษจีนปี 68
ผู้สื่อข่าวยังได้รายงานความเคลื่อนไหว นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ภายหลังลงพื้นที่ไปช่วย นายศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุดรธานี ในนามพรรคเพื่อไทย หาเสียงเลือกตั้งเมื่อวันที่ 13-14 พ.ย.ที่ผ่านมา
ล่าสุดนายทักษิณมีกำหนดการเดินทางไป จ.อุบลราชธานี ในวันที่ 11 ธ.ค. โดยพรรคเพื่อไทยส่ง นายกานต์ กัลป์ตินันท์ อดีตนายก อบจ.อุบลราชธานี ลงสมัครอีกสมัย สำหรับการเดินทางไปจ.อุบลราชธานีของนายทักษิณครั้งนี้ ไม่ได้จัดรูปแบบให้มีการช่วยผู้สมัครนายก อบจ.อุบลราชธานี ของพรรคเพื่อไทยหาเสียง และไม่มีการขึ้นเวทีปราศรัยเหมือนที่ จ.อุดรธานี แต่นายทักษิณจะเดินทางไปพบปะและเยี่ยมเยียนแกนนำเขตเลือกตั้งระดับท้องถิ่นของจ.อุบลราชธานีที่บ้านพักของ นายวรสิทธิ์ กัลป์ตินันท์ สส.อุบลราชธานี เขต 1 พรรคเพื่อไทยเท่านั้น
สำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.เชียงใหม่ นายทักษิณมีกำหนดการลงพื้นที่จ.เชียงใหม่วันที่ 23 ธ.ค. เพื่อช่วยผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยหาเสียง ซึ่ง จ.เชียงใหม่ ถือเป็นบ้านเกิดของนายทักษิณ และปิดท้ายช่วงปลายเดือน ธ.ค.มีกำหนดการลงพื้นที่ช่วยผู้สมัคร นายก อบจ.หาเสียงที่ จ.ศรีสะเกษ ทั้งนี้การลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครนายกอบจ. ของพรรคเพื่อไทยหาเสียงในแต่ละจังหวัดจะมีนายทักษิณและแกนนำพรรคเพื่อไทยลงพื้นที่เท่านั้น ส่วน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะไม่ได้ร่วมลงพื้นที่ด้วยเพื่อไม่ให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์