"เจ๊หนิง" พาหลานชายเข้ามอบตัวคดีแจ้งความเท็จ "เมียบิ๊กตำรวจ" ยันเห็นเมียบิ๊กตำรวจมากับพวกอีก 3 คน หิ้วกระเป๋าสีดำออกจากห้องพักคอนโด ตร.ให้ประกันตัวใช้หลักทรัพย์เงินสด

กรณี น.ส.ธนัฎฐา หรือหนิง อดีตอาจารย์พิเศษสาวโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพรานแจ้งความให้ดำเนินคดีนางศิรินัดดา หักพาล ภรรยาพล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีต รองผบ.ตร.ก่อเหตุลักเงินสดและทองคำมูลค่าเกือบ 6 ล้านที่จะไว้ใช้เป็นสินสอดในงานแต่งงาน ข้อหาลักทรัพย์ในเคหสถานและบุกรุกเคหสถาน ขณะเดียวกัน นางศิรินัดดา แจ้งความกลับคู่กรณีแจ้งความเท็จกลั่นแกล้งผู้อื่นให้รับโทษทางอาญา ต่อมาศาลอาญากรุงเทพใต้ ออกหมายจับ น.ส.ธณัฏฐา หรือ เจ๊หนิง พ.ต.อ.ภีมพจน์ น้อมชอบพิทักษ์ อดีตอาจารย์ (สบ4) กลุ่มงานคณาจารย์ คณะตำรวจศาสตร์โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ปฏิบัติราชการที่ ศปก. บช.รร.นรต และนายพงษ์พัฒน์ วรเกต หลานเจ๊หนิง ที่จ.1118,1119,1120/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ตามลำดับ ข้อหา ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวนเป็นการเพื่อจะแกล้งให้บุคคลใดต้องรับโทษหรือรับโทษหนักขึ้น 


ความคืบหน้า เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 28 พ.ย. น.ส. ธนัสฐา (เจ้หนิง) และนายพงษ์พัฒน์ อายุ 23 ปี (หลาน) โดยขับรถเบนซ์ รุ่น E300 สีขาว ทะเบียน xxx กรุงเทพมหานคร เพื่อพาหลานเข้ามอบตัวกับ พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ ผกก.สน.พระโขนง ภายหลังจากที่ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.1120/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวนเป็นการเพื่อจะแกล้งให้บุคคลใดต้องรับโทษหรือรับโทษหนักขึ้น 

โดย น.ส.ธนัสธา กล่าวว่า ในวันนนี้ได้พาหลานเข้ามาพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากทราบว่าได้ถูกออกหมายจับดัวย ซึ่งตนได้เตรียมเงินสดจำนวน 75,000 บาท ไว้เพื่อขอยื่นประกันตัวหลานไว้แล้ว ซึ่งหลานชายเพิ่งกลับมาจากเชียงราย ก่อนมาหาตนและเดินทางจากนครปฐม เพื่อมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งก่อนหน้านี้หลานไม่ได้รับหมายเรียกใดๆเลย โดยปกติหมายจะถูกส่งไปยังภูมิลำเนา จ.เพชรบูรณ์ แต่ได้ตรวจสอบแล้วก็ไม่มี 

ส่วนกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบจากสัญญาณโทรศัพท์มือถือในวันเกิดเหตุแต่ไม่พบว่าหลานชายอยู่ในที่เกิดเหตุนั้น นายพงษ์พัฒน์ กล่าวว่า ตนไม่ได้พกโทรศัพท์ไว้ที่ตัว เนื่องจากโทรศัพท์พัง แต่ยืนยันว่าในวันเกิดเหตุตนได้เดินทางไปที่คอนโดดังกล่าวและพบภรรยาของอดีตนายพลตำรวจจริง โดยที่ภรรยาอดีตนายพลตำรวจได้มากับพวก อีก 3 คน ซึ่งตนไม่รู้จัก และไม่ทราบว่าเป็นภรรยาของอดีตนายพลตำรวจ แต่เคยเจอกับภรรยาอดีตนายพล 1 ครั้ง ที่บ้านพักย่านคลอง7 จ.ปทุมธานี ซึ่งภรรยาของอดีตนายพลตำรวจไปเข้าห้องน้ำที่บ้าน แต่แค่เห็นผ่านๆ ในวันเกิดเหตุ ตนนั่งแท็กซี่ไปที่คอนโดเวลาประมาณบ่าย 2 และขึ้นห้องพักของป้าหนิง ที่ชั้น 7 ก็พบภรรยาของอดีตนายพลตำรวจเข้าไปในห้อง จากนั้นเห็นถือกระเป๋าสีดำคล้ายกระเป๋าโน๊ตบุ๊ก ออกมา ซึ่งรายละเอียดทั้งหมด ตนได้ให้กับพนักงานสอบสวนไว้ในสำนวนหมดแล้ว จากนั้นตนได้ลงจากคอนโดและไปยืมโทรศัพท์มือถือจาก คนที่อยู่ด้านล่าง เพื่อโทรไปหาป้าหนิง เมื่อป้ามาถึงก็รู้สึกตกใจ ตนก็อธิบายให้ป้าฟังว่า มีผู้หญิง 1 คนซึ่งภรรยาของอดีตนายตำรวจ มากับพวกอีก 3 คนเข้าไปในห้อง


น.ส.ธนัฎฐา กล่าวอีกว่า ตนก็พร้อมที่จะให้ทางตำรวจตรวจสอบในเรื่องเบอร์โทรศัพท์ ที่หลานใช้โทรเข้าในวันเกิดเหตุ รวมถึงคดีที่ตนแจ้งความไว้ ได้เตรียมนำหลักฐานการซื้อทองคำไปมอบให้ในชั้นศาล ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่าง รอผลตรวจจากเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ที่เข้าไปเก็บพยานหลักฐาน และรอยนิ้วมือที่คอนโดฯเกิดเหตุ เพื่อนำมาเป็นหลักฐานเพิ่มเติมและได้นำภาพหลักฐานคลิปวีดีโอ ประตูห้องพักของ พ.ต.อ. ภีมพจน์ น้อมชอบพิทักษ์ (สามี) ที่อยู่ภายในโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ที่ถูกคนร้ายงัดประตูห้องแต่ไม่สามารถเข้าไปภายในห้องได้ โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา ก่อนเจ๊หนิง จะถูกศาลออกหมายจับในคดีแจ้งความเท็จ ให้กับผู้สื่อข่าวดู ซึ่งทางฝ่ายสามีอยู่ระหว่างขอภาพกล้องวงจรปิดจากทางโรงเรียน เพื่อจะใช้เป็นหลักฐาน ในการติดตามตัวผู้ที่ก่อเหตุดังกล่าว

ต่อมา พ.ต.ท.ประยูร ทองนุ่น รอง ผกก.สอบสวน สน.พระโขนง ได้นำตัวนายพงษ์พัฒน์ ลงมาทำประวัติและพิมพ์ลายนิ้วมือ ภายในห้องสืบสวน ภายหลังการสอบปากคำนายพงษ์พัฒน์ ฯ เสร็จสิ้น ทางพนักงานสอบสวนอนุญาตให้ประกันตัวชั่วคราว โดย น.ส.ธนัฎฐา ได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสด ก่อนปล่อยตัวกลับ