วันที่ 28 พ.ย.67 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ในงานเปิดตัวคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับประเทศไทย ประจำปี 2568 (The MICHELIN Guide Thailand 2025) โดย 'ศรณ์' ได้รับการประกาศชื่อเป็นร้านอาหารที่คว้ารางวัลระดับ ‘สามดาวมิชลิน’ เป็นร้านแรกในไทย โดยคู่มือฉบับปีล่าสุดนี้บรรจุรายชื่อร้านอาหารที่ผ่านการคัดสรรรวมทั้งสิ้น 462 แห่ง เป็นร้านที่ได้รับรางวัล ‘สามดาวมิชลิน’ 1 ร้าน (เลื่อนระดับจาก ‘สองดาวมิชลิน’), รางวัล ‘สองดาวมิชลิน’ 7 ร้าน (เลื่อนระดับจาก ‘หนึ่งดาวมิชลิน’ 1 ร้าน), รางวัล ‘หนึ่งดาวมิชลิน’ 28 ร้าน (ติดอันดับครั้งแรก 4 ร้าน และเลื่อนระดับจาก MICHELIN Selected 1 ร้าน), รางวัล ‘บิบ กูร์มองด์’ 156 ร้าน (ติดอันดับครั้งแรก 20 ร้าน) และร้านแนะนำ หรือ MICHELIN Selected อีก 270 ร้าน (ติดอันดับครั้งแรก 44 ร้าน) โดยในจำนวนร้านใหม่ที่ติดอันดับครั้งแรกในคู่มือฯ ฉบับล่าสุดซึ่งเป็นฉบับที่ 8 ของไทย เป็นร้านที่ตั้งอยู่ในจังหวัดชลบุรี ซึ่ง ‘มิชลิน ไกด์’ ขยายขอบเขตเข้าดำเนินการสำรวจและจัดอันดับเป็นปีแรก รวมทั้งสิ้น 20 ร้าน (ร้านระดับ ‘บิบ กูร์มองด์’ 5 ร้าน และร้านแนะนำ หรือ MICHELIN Selected 15 ร้าน)
โดย เกว็นดัล ปูลเล็นเนค ผู้อำนวยการฝ่ายจัดทำคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ทั่วโลก กล่าวว่า การที่ประเทศไทยมีร้านอาหารได้รับรางวัล ‘สามดาวมิชลิน’ เป็นร้านแรก ทำให้ปี 2568 เป็นปีสำคัญของไทยในหน้าประวัติศาสตร์แวดวงอาหารระดับสากล รายชื่อร้านอาหารที่ผ่านการคัดสรรเหล่านี้ไม่เพียงสะท้อนความรุ่มรวยและหลากหลายของอาหารไทย แต่ยังแสดงให้เห็นว่าศาสตร์และศิลป์ด้านอาหารการกินของไทยโอบรับวัฒนธรรม ความทันสมัย และเทรนด์ใหม่ ๆ เอาไว้อย่างลงตัว
ด้าน ปูลเล็นเนค ผู้ตรวจสอบของ ‘มิชลิน ไกด์’ พบว่ามีร้านอาหารไทยสไตล์โมเดิร์นเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง ร้านอาหารเหล่านี้ดำเนินการโดยเชฟผู้มีความสามารถชาวไทย ซึ่งส่วนใหญ่มีอายุต่ำกว่า 35 ปี เคยผ่านประสบการณ์การทำงานในต่างประเทศ และ/หรือ ศึกษาศาสตร์การทำอาหารสไตล์ตะวันตก โดยเชฟเหล่านี้ริเริ่มก่อตั้งธุรกิจร้านอาหารในจังหวัดบ้านเกิดของตนเอง ด้วยความมุ่งมั่นที่จะนำเสนออาหารไทยดั้งเดิมในรูปแบบที่ทันสมัยและดูน่าสนใจ ส่งผลให้ “อาหารไทยร่วมสมัย” ก้าวข้ามขีดจำกัดที่มีอยู่เดิม
นอกจากนี้ อุตสาหกรรมร้านอาหารหรูประเภท ‘ไฟน์ ไดนิ่ง’ (Fine Dining) ในไทย ยังดึงดูดเชฟชาวต่างชาติจากทั่วโลกให้เข้ามาทำงาน แลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเชฟท้องถิ่น และมีบทบาทในการฝึกฝนทีมงานร้านอาหารรุ่นใหม่ อีกทั้งประเด็นเรื่องความยั่งยืนและการจัดหาวัตถุดิบภายในท้องถิ่นยังได้รับความสนใจแพร่หลายมากขึ้นในไทย โดยเชฟใส่ใจเลือกใช้วัตถุดิบภายในท้องถิ่นมากขึ้นและประสานความร่วมมือกับผู้ผลิตรายย่อยที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แนวโน้มดังกล่าวเป็นแรงบันดาลใจให้เชฟท้องถิ่นริเริ่มนำเสนอสิ่งใหม่และสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม ยิ่งกว่านั้น ยังเห็นได้ชัดว่ามีภัตตาคารสไตล์เรียบง่ายและร้านอาหารขนาดเล็กจำนวนหนึ่งถ่ายทอดสูตรอาหารจากรุ่นสู่รุ่นมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน เพื่อรักษาเอกลักษณ์เฉพาะตัวและรสชาติดั้งเดิมเอาไว้ ภัตตาคารและร้านอาหารประเภทดังกล่าวมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักในฐานะประเทศที่สามารถหาอาหารคุณภาพเยี่ยมหลากรูปแบบทานได้ในราคาสบายกระเป๋า
ขณะที่ ‘ศรณ์’ สร้างประวัติศาสตร์ คว้า ‘สามดาวมิชลิน’ มาครองเป็นร้านแรกในไทย เริ่มต้นจากการได้รับการจัดอันดับในคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับประเทศไทย ประจำปี 2562 เป็นครั้งแรกด้วยรางวัล ‘หนึ่งดาวมิชลิน’ เพียงหนึ่งปีต่อมาก็ได้รับการเลื่อนระดับเป็นร้าน ‘สองดาวมิชลิน’ และสามารถครองสถานะระดับ ‘สองดาวมิชลิน’ เอาไว้ได้อย่างต่อเนื่องตลอด 5 ปี การก้าวขึ้นคว้ารางวัลระดับ ‘สามดาวมิชลิน’ ได้ในคู่มือฯ ฉบับปี 2568 นับเป็นการตอกย้ำถึงความเป็นเลิศ คุณภาพ และความสม่ำเสมอ ที่ส่งผลให้ ศรณ์ เปลี่ยนสถานะจากร้านอาหารยอดเยี่ยมที่ควรค่าแก่การขับรถออกนอกเส้นทางเพื่อแวะชิม กลายเป็นสุดยอดร้านอาหารที่ควรค่าแก่การเป็นจุดหมายปลายทางที่ควรดั้นด้นเดินทางเพื่อไปชิมสักครั้ง
อีกทั้งในคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับประเทศไทย ประจำปี 2568 มีร้านอาหารคว้ารางวัลระดับ ‘สองดาวมิชลิน’ เพิ่มขึ้นเพียงร้านเดียว โดยได้รับการเลื่อนระดับจาก ‘หนึ่งดาวมิชลิน’ คือ โค้ท บาย เมาโร โคลาเกรคโค ร้านอาหารที่นำเสน่ห์แห่งรสชาติจากเฟรนช์ริเวียราสู่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ผสานกลิ่นอายจากเมดิเตอร์เรเนียน ฝรั่งเศส และอิตาลี ทุกจานอาหารรังสรรค์ด้วยเทคนิคอันล้ำสมัยจากวัตถุดิบตามฤดูกาลที่ดีที่สุดในแต่ละวันเพื่อสร้างสรรค์เมนูอันเป็นเอกลักษณ์ สำหรับร้านอาหาร บ้านเทพา, เชฟส์เทเบิล, กา, เมซซาลูน่า, อาหาร และซูห์ริง ยังคงครองสถานะ ‘สองดาวมิชลิน’ เอาไว้ได้ ทำให้ประเทศไทยมีร้านระดับ ‘สองดาวมิชลิน’ จำนวนทั้งสิ้น 7 ร้าน
ส่วน รางวัล ‘หนึ่งดาวมิชลิน’ มีร้านติดอันดับเพิ่มขึ้น 5 ร้าน ในจำนวนนี้ 4 ร้านได้รับการจัดอันดับในคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับประเทศไทย เป็นครั้งแรก ส่วนอีก 1 ร้านได้รับการเลื่อนระดับจากร้านแนะนำ หรือ MICHELIN Selected โดยร้านใหม่ระดับ ‘หนึ่งดาวมิชลิน’ ที่ติดอันดับในคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับประเทศไทย เป็นครั้งแรก ได้แก่ อัคคี ร้านอาหารที่สร้างความประทับใจด้วยเมนูอาหารไทยรสจัดจ้านจากภูมิภาคต่าง ๆ เสิร์ฟในบรรยากาศสุดพิเศษท่ามกลางแสงสลัว ใช้เทคนิคการทำอาหารที่พิถีพิถันในครัวที่เรียบง่าย ด้วยการปรับสูตรอาหารไทยคลาสสิกให้เข้ากับวัตถุดิบตามฤดูกาล ทำให้อาหารมีเอกลักษณ์และรสชาติที่ชัดเจน
ด้าน เอวองท์ ร้านอาหารที่เชฟชาวสิงคโปร์รังสรรค์อาหารโดยผสานเทคนิคดั้งเดิมและสมัยใหม่เข้าด้วยกันอย่างลงตัว และพิถีพิถันในทุกรายละเอียด, โกท ร้านอาหารที่ผสมผสานองค์ประกอบของอาหารไทย จีน และตะวันตกเข้าด้วยกันอย่างชาญฉลาดภายใต้แนวคิดฤดูกาลของไทย โดยใช้ทั้งสมุนไพรที่ปลูกในร้านและวัตถุดิบจากทั่วประเทศไทย และ อาวลิส ร้านอาหารสไตล์ "เชฟส์ เทเบิล" ที่นำเสนอเทสติงเมนูหลายคอร์สจากวัตถุดิบท้องถิ่นของไทยและเกษตรกรในพื้นที่ ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าในบรรดาร้านใหม่ติดอันดับ ‘หนึ่งดาวมิชลิน’ มี 2 ร้านที่ตั้งอยู่นอกเขตกรุงเทพมหานคร คือ อัคคี ในจังหวัดนนทบุรี และ อาวลิส ในจังหวัดพังงา
พร้อมกันนี้ ร้านใหม่ระดับ ‘หนึ่งดาวมิชลิน’ ที่เลื่อนระดับจากร้านแนะนำ หรือ MICHELIN Selected เพียงหนึ่งเดียว คือ โคด้า ร้านอาหารที่เชิดชูแก่นแท้ของอาหารไทยท้องถิ่น พร้อมผสมผสานเทคนิคสมัยใหม่เพื่อสร้างอัตลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร ทุกเทสติงเมนูรังสรรค์อย่างประณีต อัดแน่นไปด้วยรสชาติที่ละเอียดอ่อนและมีมิติอย่างล้ำลึก และรางวัลอื่นๆ ที่สามารถสรุปจำนวนร้านอาหารที่ได้รับรางวัลจากคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์ ประเทศไทย 2568’ ได้ดังนี้ ร้านอาหารระดับ ‘สามดาวมิชลิน’ จำนวน 1 ร้าน (เลื่อนระดับจาก ‘สองดาวมิชลิน’) ร้านอาหารระดับ ‘สองดาวมิชลิน’ จำนวน 7 ร้าน (เลื่อนระดับจาก ‘หนึ่งดาวมิชลิน’ 1 ร้าน) ร้านอาหารระดับ ‘หนึ่งดาวมิชลิน’ จำนวน 28 ร้าน (ติดอันดับครั้งแรก 4 ร้าน และเลื่อนระดับจาก MICHELIN Selected 1 ร้าน) ร้านอาหารรางวัล ‘ดาวมิชลินรักษ์โลก’ จำนวน 4 ร้าน (ติดอันดับครั้งแรก 1 ร้าน) ร้านอาหารรางวัล ‘บิบ กูร์มองด์’ จำนวน 156 ร้าน (ติดอันดับครั้งแรก 20 ร้าน) และร้านแนะนำ หรือ MICHELIN Selected จำนวน 270 ร้าน (ติดอันดับครั้งแรก 44 ร้าน)