จากกรณีหญิงสาวขับรถหรูบีเอ็มดับเบิ้ลยูสีดำเกิดเหตุชนเสยท้ายรถจักรยานยนต์ที่มีผู้เป็นแม่เป็นผู้ขับขี่โดยมีลูกชายอายุ 16 ปี นักเรียนชั้นม.4 และลูกสาวอายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนศรียาภัย ขณะขับขี่อยู่บริเวณสะพานบนข้ามทางรถไฟบ้านหนองหมุก ถนนสายจ.ทางลัดเข้าตัวเมืองชุมพร พื้นที่ตำบลตากแดด อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร หลังเกิดเหตุหญิงคนขับรถได้อุ้มแมวตัวโปรดหายไปพร้อมกัน เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความสะเทือนใจต่อผู้พบเห็นและสร้างความเสียใจอย่างมากกับครอบครัวผู้เสียชีวิตที่สามีและผู้เป็นพ่อเสียสมาชิกในครอบครัวพร้อมกันถึง 3 คน ทำให้หน่วยงานภาครัฐจังหวัดชุมพรให้ความสนใจติดตามความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด ตามที่เป็นข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันที่ 28 พ.ย.67 เวลา 10.00 น. นายวิทยา เขียวรอด ปลัดจังหวัดชุมพร พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองชุมพร สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดชุมพร พ.ต.อ.นิรันดร์ กันจู รอง ผบก.ภ.จว.ชุมพร เจ้าหน้าที่ตำรวจ สส.ภ.จว.ชุมพร พ.ต.อ.ปัญญา ท้วมศรี ผกก.สภ.เมืองชุมพร และตัวแทนบริษัทกลางฯทั้งหมดลงพื้นที่เกิดเหตุอีกครั้ง
โดยนายวิทยา เขียวรอด ปลัดจังหวัดชุมพร เปิดเผยว่า วันนี้ได้นำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้งหลังจากมีอุบัติเหตุมีผู้เสียชีวิต 3 รายซึ่งทั้งหมดเป็นแม่ลูกกันทั้งนี้เพื่อวิเคราะห์สาเหตุ และทราบจากพนักงานสอบสวนว่าคู่กรณีซึ่งเป็นคนขับรถบีเอ็มฯคนเกิดเหตุเข้าพบพนักงานสอบสวนแล้ว เพื่อสอบสวนเกี่ยวกับสาเหตุและเพื่อป้องกันปัญหาต่อไป ในเบื้องต้นการช่วยเหลือผู้เสียชีวิตจากประกันภัยคนละ 500,000 บาท และช่วยเหลือค่าจัดการศพคนละ 35,000 บาท ในส่วนรูปคดีเป็นหน้าที่ของสภ.เมืองชุมพรรับผิดชอบ
ด้านพ.ต.อ.ปัญญา ท้วมศรี ผกก.สภ.เมืองชุมพร เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุพนักงานได้ดำเนินการเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน ส่วนเจ้าของรถคืนที่ผ่านมาได้เข้าพบพนักงานสอบสวนแล้ว พร้อมทั้งสอบถามรายละเอียดและเก็บวัตถุพยานเบื้องต้น เนื่องจากต้องสงสัยว่าเจ้าของรถมาด้วยหรือไม่ และวันนี้ให้พิสูจน์หลักฐานเก็บตรวจสอบสภาพรถ เชื่อว่าสามารถแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ผู้ขับขี่เป็นหญิงสาวที่มีลูกแมวมาด้วยตามที่พยานได้พบเห็น และในเบื้องต้นตำรวจได้กล้องวงจรปิดแต่ยังไม่เผยแพร่เพราะอาจเกิดความเสียหายต่อรูปคดี
เวลาต่อมาปลัดจังหวัดชุมพรนำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินทางไปที่บ้านพักของนายประกฤษณ์ อายุ 50 ปี พื้นที่ตำบลวิสัยเหนือ อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร เป็นสามีและพ่อของลูกชายหญิงที่เสียชีวิตทั้ง 3 ราย เพื่อแสดงความเสียใจและให้กำลังใจพร้อมมอบเงินช่วยเหลือทางภาครัฐและปลัดจังหวัดฯมอบเงินส่วนตัวให้อีกจำนวนหนึ่ง
โดยบ้านหลังดังกล่าวมีชาวบ้าน และญาติกำลังจัดเตรียมสถานที่ ที่ตั้งสวดอภิธรรมศพซึ่งนายประกฤษณ์ยังทำใจไม่ได้กับการสูญเสียลูกๆและภรรยาอย่างกะทันหัน ขณะที่ร่างไร้วิญญาณ 3 คนแม่ลูกนอนเรียงกันเพื่อรอการบรรจุลงหีบศพ ต่อมามีคณะครูอาจารย์และเพื่อนนักเรียนโรงเรียนศรียาภัย เดินทางมาร่วมไว้อาลัยด้วย
ขณะเดียวกัน นายสุวิทย์ อายุ 60 ปี มีศักดิ์เป็นลุงเขย กล่าวว่า รองผกก.แจ้งว่าจะดูแลขั้นพื้นฐานก่อนเรื่องของพิธีทางศาสนาเสร็จงานศพแล้วจะเร่งดำเนินคดีแต่รูปคดีคงไม่ผิด สิ่งที่น่าห่วงคือจิตใจของผู้เป็นพ่อที่มีอาชีพรับราชการ อาจจะมีปัญหาผู้เป็นแม่อายุเกือบ 90 ปี ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ผู้เสียชีวิตทั้ง 3 คนสลับสับเปลี่ยนกันดูแล แต่หลังจากนี้ไม่รู้จะเป็นอย่างไร
ญาติผู้ตาย กล่าวอีกว่า เส้นทางเกิดเหตุดังกล่าวเป็นทางตรง ถูกรถมาชนด้านหลังจนเกิดความสูญเสีย ญาติทุกคนเศร้าเสียใจ เพราะเป็นการสูญเสียยกครอบครัว ญาติทุกคนกังวลว่าผู้เป็นพ่อจะใช้ชีวิตอย่างไรจิตใจเป็นสิ่งสำคัญ เราไม่สามารถเรียกชีวิตทั้ง 3 คนกลับคืนมาไม่ได้ แต่อยากเรียกร้องความเป็นธรรมส่วนไหนที่เขาช่วยได้ส่วนไหนที่ควรรับผิดชอบ การที่ขับรถเร็วชนคนตายคาที่ 3 ศพ ขอให้ทุกอย่างไปตามกระบวนการกฎหมาย
ทั้งนี้นายสุวิทย์ กล่าวต่ออีกว่า ทางคนขับรถเกิดเหตุให้ญาติติดต่อมาว่าจะขอรับผิดชอบ เดี๋ยวจะเข้ามาเคลียร์มาคุย แต่ทางญาติผู้สูญเสียยังไม่ได้หารือกัน แต่ตนยืนยันว่าคดีความว่ากันไปตามกระบวนการของกฎหมายผิดก็คือผิด การเยียวยาว่ากันไปอีกเรื่องหนึ่ง