จากกรณี ผู้ใช้สื่อโซเชียลเฟซบุ๊ก ได้โพสต์ภาพ คลิปและลงข้อความว่า สุดยอดมากครับ #ตำรวจกำแพงแสน ผมขี่รถออกมาดีๆจะออกมาซื้อน้ำกิน รถเดิมๆ เป็นรถของพ่อแฟน พ่อแฟนเสียแล้ว เอกสารสำเนารถมี แสดงให้ดู นามสกุลกุลก็นามสกุลเดียวกัน บอกว่าป้ายทะเบียนรถหลุดหาย แจ้ง แล้วยังไม่ได้ทะเบียน ตำรวจเขียนผมนึกว่าเขียนใบสั่งให้ สรุป ออกใบตรวจยึดรถ แล้วทิ้งผมกับแฟนไว้กลางทางแบบนี้ ดึกป้านี้ผมจะกลับกันยังไง แล้วทิ้งด้วย ขับออกไปเลย ผมอยากรู้มีอำนาจยึดรดรถผมเลยหรอ แล้วทิ้งผมไว้กลางทางแบบนี้ผมจะกลับกันยังไง #สภกำแพงแสน โดยทำการโพสต์เมื่อวันที่ 24 พ.ย.67 ที่ผ่านมา 

ล่าสุด วันที่ 27 พ.ย.67 ผู้สื่อข่าวได้เข้าสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้นกับ นายกิตติพงษ์ อายุ 28 ปี เจ้าของโพสต์ โดยบอกว่า เหตุการณ์ดังกล่าวตนเอง ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ ดำเทา ไม่ติดป้ายทะเบียน ซึ่งเป็นรถของนายอภิสัน ที่เสียชีวิตไปแล้วและเป็นพ่อของนางสาวลลินดา อายุ 26 ปี แฟนสาว เพื่อจะออกไปซื้อน้ำตามที่โพสต์ไว้ โดยเมื่อขับขี่มาพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจรถยนต์ ได้ทำการขอตรวจรถซึ่งตนเองได้แจ้งไว้ว่ารถคันดังกล่าวเป็นของพ่อตาที่ตายไปแล้ว โดยมีนายตำรวจยศร้อยตำรวจเอก เป็นผู้สอบ จากนั้นได้มีการแจ้งข้อหา ใช้รถไม่ติดป้าย อันสงสัยว่าจะนำรถไปใช้ใน การกระทำความผิด และข้อหาไม่มีใบอนุญาตขับขี่ โดยตนเองได้แจ้งว่าขอเสียค่าปรับตรงจุดที่จับได้หรือไม่ แต่ทางนายตำรวจคนดังกล่าวแจ้งกลับมาว่าไม่สามารถจะเสียค่าปรับได้ต้องทำการยึดรถและไปทำการตรวจสอบที่สถานีตำรวจภูธรกำแพงแสน จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกเอกสารบันทึกการยึดเอาไว้ และนำรถจักรยานยนต์ ที่ขับขี่มาขึ้นท้ายรถกระบะสายตรวจและทิ้งตนเองเอาไว้ให้อยู่กับแฟนสาวกลางทาง เห็นที่มืดและเป็นเวลากลางคืน

นายกิตติพงษ์ เล่าต่อไปว่าหลังจากนั้นตนเองจึงได้โทรศัพท์เข้าไปที่หมายเลขสายด่วน 191 ว่าขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรกำแพงแสน ช่วยมารับตนเองกลับไปส่งบ้านหรือไปที่โรงพักก็ได้ ซึ่งทางปลายสายได้แจ้งว่าเดี๋ยวจะประสานมาที่ท้องที่ และโอนสายมายังสถานีตำรวจภูธรกำแพงแสนให้ โดยตนเองได้พูดกับปลายสายว่าผมคนที่โดนยึดรถเมื่อสักครู่ครับ แต่ปลายสายกลับตัดสายทิ้ง จากนั้นตนเองได้โทรศัพท์กลับไปที่สายด่วน 191 อีกครั้ง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้บอกว่าได้ประสานกับปลายทางให้แล้ว และได้ทำการโอนสายไปอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่มีคนรับสายแล้วตัดสายทิ้งยาวไปเลย

"ผมโทรกลับไปที่สายด่วน 191 อีกครั้ง โดยบอกว่าสายถูกตัดและไม่มีคนรับสายก่อนที่สักพักใหญ่จะมีรถตำรวจวนจะเข้ามารับผม ซึ่งช่วงเวลาก่อนหน้าผมได้โพสต์ข้อความ รูปภาพและคลิปดังกล่าวออกไปแล้วเนื่องจากเกิดความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับตนเอง ซึ่งได้มีพลเมืองดีได้ตอบมาในคอมเม้นต์ว่ายังกลับบ้านได้หรือไม่ หากกลับไม่ได้ก็จะมารับไปส่งที่บ้านให้ จนสามารถกลับบ้านได้ ผมก็ยังได้โทรกลับไปที่สายด่วน 191 อีกครั้ง เพื่อขอคำปรึกษาเขาก็ได้พูดคำตอบว่าเค้าก็ทำกับผมเกินไป อย่างน้อยควรที่จะรับไปส่งสถานีตำรวจหรือส่งกลับบ้านก็ยังดี นี่เลยเป็นคำถามว่าผมกำลังเจออะไรอยู่กับการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ" นายกิตติพงษ์   เล่าให้ฟัง 

นายกิตติพงษ์   เล่าต่ออีกว่าหลังจากโพสต์ข้อความดังกล่าวไปแล้วคิดว่าจะได้รับคำชี้แจง แต่ไม่นานก็มีญาติพี่น้องได้โทรมาแจ้งว่านายตำรวจคนที่ถูกโพสต์คลิปลงไปนั้นไม่พอใจและได้ไปคุยกับมือปืนถึงขั้นที่จะมีการทำร้ายผมหรือแจ้งจับเอาผมเข้าคุกให้ได้ ผมก็ยังสงสัยอีกว่าสิ่งที่ผมทำลงไปมันผิดหรือไม่และตอนนี้เกิดความเครียดมากเนื่องจากผมก็เป็นพนักงานทำงานเอกชนหาเช้ากินค่ำ ทั้งผมและแฟนตอนนี้มีความเครียดมากไม่รู้ว่ากำลังจะต้องเจอกับอะไรจึงได้ขอร้องผ่านสื่อว่าผมไม่ได้ทำอะไรผิดและผมต้องการคำชี้แจงแต่กลับถูกข่มขู่ให้เก็บตัวอยู่ที่บ้านห้ามออกไปไหนสักพัก ทำให้ตอนนี้มีความวิตกกังวลนอนไม่หลับมาหลายคืนแล้ว 

ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้ประสานไปยัง สภ.กำแพงแสน คู่กรณี โดยพ.ต.อ.ปราโมทย์ โพธิ์พันธุ์ ผกก.สภ.กำแพงแสน ติดภารกิจ ไม่สามารถให้สัมภาษณ์กับสื่อได้ โดยได้มอบหมายให้ รองผู้กำกับการป้องกันและปราบปราม ให้ข้อมูลชี้แจงถึงเหตุการณ์ดังกล่าวซึ่งผู้สื่อข่าวสามารถตามหาคลิบอีกมุมหนึ่งของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ช่วงที่มีการขอตรวจค้นและหาหลักฐานในการจับกุมช่าวงเวลาดังกล่าวได้ 

ซึ่งทาง สภ.กำแพงแสน ได้ชี้แจงว่า สำหรับกรณีดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการกลับไปสอบถามยังเจ้าตัว หลังมีการประสานไปยัง หมายเลข 191 ซึ่งยังพบเจ้าตัวอยู่ในจุดเดิมและได้สอบถามไปว่าประสงค์จะให้นำไปส่งบ้านหรือไม่ แต่เจ้าตัวปฎิเสธโดยอ้างว่ามีเพื่อนจะนำไปส่งแล้ว โดยกรณีของการที่ไม่พอใจที่ถูกจับกุมหรือไม่ให้เสียค่าปรับในจุดที่ตรวจค้น พบว่าสถานที่ดังกล่าวไม่ได้เป็นที่เปลี่ยวและไม่ได้มืดมากนักและทั้งคู่ก็เป็นผู้ที่สามารถดูแลตัวเองได้ สาเหตุที่ต้องยึดเพราะไม่มีเอกสารยืนยันให้ชัดเจนประกอบกับช่วงดังกล่าว มีกลุ่มวัยรุ่นที่จับกลุ่มกันขับขี่รถจักรยานยนต์ก่อเหตุบ่อยครั้งจึงต้องทำการยึดเพื่อไปตรวจสอบให้ชัดเจน 

โดยหากผู้ที่ไปโพสต์ข้อความไม่พอใจหรือยังติดใจสามารถเข้ามาพบกับทางผู้กำกับการ หรือรองผู้กำกับการเพื่อตรวจสอบและหาเหตุผลร่วมกันได้ ซึ่งกรณีของการมีตำรวจไปกดดันหรือข่มขู่ไม่มีแน่นอนเพราะไม่สามารถทำได้ และตอนนี้ทาง สภ.กำแพงแสน พร้อมชี้แจงในเรื่องดังกล่าวให้เกิดความชัดเจนได้