องคมนตรี ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานของศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง จ.บุรีรัมย์ และโครงการอนุรักษ์พื้นที่ป่าไม้ต้นแบบตามแนวชายแดน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.สุรินทร์
วันที่ 27 พ.ย.67 เวลา 09.00 น. พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี ประธานกรรมการที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิฝนหลวง ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อติดตามการปฏิบัติการฝนหลวงและเข้าร่วมประชุมหารือพร้อมรับฟังการบรรยายสรุปรายงานสภาพอากาศ สถานการณ์น้ำในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และสรุปผลการปฏิบัติการฝนหลวงประจำปี 2567 รวมถึงรายงานแผนการปฏิบัติการฝนหลวง ประจำปี 2568 โดยมีคณะผู้บริหารกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และหน่วยงานราชการในจังหวัดบุรีรัมย์ ให้การต้อนรับ
จากนั้นในช่วงบ่ายได้เดินทางไปยังโครงการอนุรักษ์พื้นที่ป่าไม้ต้นแบบตามแนวชายแดน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ (วัดเขาศาลาอตุลฐานะจาโร) อำเภอบัวเชด จังหวัดสุรินทร์ เพื่อตรวจเยี่ยมและติดตามการดำเนินงานของโครงการฯ สำหรับพื้นที่ป่าบริเวณดังกล่าวนั้น พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2555 เพื่อดำเนินการอนุรักษ์ และพัฒนาพื้นที่ให้เป็นแหล่งเรียนรู้เชิงนิเวศ รวมทั้งยังได้ปลูกฝังจิตสำนึกด้านการอนุรักษ์ให้กับราษฎรในชุมชนโดยรอบของพื้นที่โครงการฯ ในเขตอำเภอบัวเชด และอำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ ทั้งนี้ โครงการฯ ดังกล่าวยังเป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์ที่อุดมสมบูรณ์ช่วยเพิ่มความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศให้เกิดความชุ่มชื้นมากขึ้น ในการเพิ่มโอกาสการปฏิบัติการฝนหลวงให้ประสบผลสำเร็จในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์
ด้าน นายราเชน ศิลปะรายะ รองอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ด้านปฏิบัติการ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้มอบหมายให้ นายภักดี จันทร์เกษ ผู้อำนวยการกองปฏิบัติการฝนหลวง ลงพื้นที่ร่วมติดตามการปฏิบัติการฝนหลวงฯ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง จังหวัดบุรีรัมย์ มีพื้นที่ในความรับผิดชอบ จำนวน 10 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ มหาสารคาม ยโสธร ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ สุรินทร์อุบลราชธานี และจังหวัดอำนาจเจริญ ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่การเกษตรนอกเขตชลประทานที่ต้องอาศัยน้ำฝนเป็นหลักในการเพาะปลูก และพื้นที่ลุ่มรับน้ำ 7 เขื่อน โดยผลการปฏิบัติการฝนหลวงของศูนย์ฯ ในปีงบประมาณที่ผ่านมานั้นได้ปฏิบัติการในภารกิจบรรเทาปัญหาภัยแล้งและเติมน้ำต้นทุนให้พื้นที่กักเก็บน้ำ ได้ปฏิบัติการทั้งสิ้น จำนวน 146 วัน 589 เที่ยวบิน ทำให้มีพื้นที่การเกษตรที่ได้รับประโยชน์ จำนวน 44 ล้านไร่ มีปริมาณน้ำไหลเข้าพื้นที่ลุ่มรับน้ำสะสม 59 ล้านลูกบาศก์เมตร ภารกิจป้องกันและแก้ไขภัยแล้งในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ ที่เป็นแหล่งปลูกข้าวหอมมะลิที่มีชื่อเสียงและเป็นพืชเศรษฐกิจหลักของประเทศ ได้ปฏิบัติการทั้งสิ้น จำนวน 43 วัน 248 เที่ยวบิน โดยมีรายงานฝนตกจากการปฏิบัติการบริเวณอำเภอพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม อำเภอชมพลบุรี ท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ อำเภอศิลาลาด ราศีไศล จังหวัดศรีสะเกษ อำเภอปทุมรัตต์ เกษตรวิสัย โพนทราย หนองฮี สุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด และ อำเภอค้อวัง มหาชนะชัย จังหวัดยโสธร สำหรับในระยะต่อไปกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้วางแผนการดัดแปรสภาพอากาศในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 โดยจะเริ่มต้นในเดือนธันวาคมนี้
เป็นการบรรเทาปัญหาไฟป่าและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับป่าไม้ รวมถึงการดัดแปรสภาพอากาศเพื่อบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก โดยเริ่มจากพื้นที่ภาคกลาง กรุงเทพฯและปริมณฑล รวมถึงการเปิดปฏิบัติการฝนหลวงประจำปี 2568 อย่างเป็นทางการในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า นอกจากนี้กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ยังมีการติดตามสภาพอากาศอย่างต่อเนื่อง โดยพี่น้องประชาชนสามารถแจ้งข้อมูลในพื้นที่หรือสภาพการเพาะปลูกพืชของท่านได้ที่ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงทั่วทุกภูมิภาค อาสาสมัครฝนหลวงในพื้นที่ หรือช่องทางโซเชียลมีเดีย เพจเฟสบุ๊ก ติกต่อก อินสตราแกรม ทวิตเตอร์ (เอ็กซ์) ยูทูปของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เพื่อเป็นข้อมูลประกอบสำหรับการวางแผนในการช่วยเหลือบรรเทาปัญหาต่าง ๆ ในฤดูกาลเพาะปลูกที่จะมาถึงนี้ และขอย้ำ กับพี่น้องประชาชนอีกครั้งว่าปัญหาภัยแล้ง ภัยพิบัติต่าง ๆ งานในโครงการพระราชดำริฝนหลวง ที่กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้สานต่อเป็นงานที่มีความสำคัญต่อประชาชนอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นช่วงแล้ง หรือในช่วงที่บางพื้นที่ของประเทศประสบปัญหามลพิษ ฝุ่นละอองขนาดเล็ก หมอกควัน ไฟป่า ก็สามารถช่วยบรรเทาและคลี่คลายได้ ขอให้ประชาชนทุกคนเชื่อมั่นในการทำงานของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ในการปฏิบัติภารกิจสนองพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุขแก่ราษฎร