"ภูมิธรรม" สวนกลับ "สนธิ" พูดเกินไป ปัดสั่ง ทร.ปรับฝึกห่างเกาะกูด ชี้เป็นไปตามแผน-วงรอบการฝึก ขออย่าเชื่อข่าวปล่อย เพราะเป็นเรื่องอ่อนไหว แนะคนในประเทศ อย่ายุยงกระตุ้นความขัดแย้ง ฮึ่ม “สนธิ” ประกาศลงถนน  อย่าให้ผิดกฎหมายก็แล้วกัน! 

เมื่อวันที่ 27 พ.ย.67 ที่กระทรวงกลาโหม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณี นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ออกมาตั้งคำถามถึงตน ว่าสั่งให้ กองทัพเรือ เปลี่ยนฝึกใกล้เกาะกูด จังหวัดตราด หรือไม่ว่า ได้รับรายงานเรื่องนี้ว่า ได้มีการไปฝึกซ้อม ซึ่งความจริงแล้วเป็นการฝึกซ้อมเล็กๆ ไม่ได้เป็นการฝึกซ้อมใหญ่แต่อย่างใด และเป็นการฝึกซ้อมตามวงรอบ การที่นายสนธิ ออกมาพูดเกินไปว่าตนเองไปสั่งการให้ย้ายถึงที่การฝึก ขอยืนยันว่าไม่มีอะไร และสามารถสอบถามผู้บัญชาการทหารเรือได้ เพราะกองทัพเรือดำเนินการไปตามกระบวนการ ซึ่งการฝึกไม่ได้เจาะจงอยู่ในเฉพาะพื้นที่ใด แต่มีการเลื่อนพื้นที่ไปทางใต้บ้าง และเป็นไปตามแผนงานประจำปีของแต่ละเหล่าทัพ

ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า ตนเป็นคนสั่งการนั้น ขอถามนายสนธิว่าไปเอาข้อมูลมาจากไหน เพราะไม่มีการกล่าวแบบนี้และจากการได้พบกับผู้บัญชาการทหารเรือเมื่อวานนี้ ทางผู้บัญชาการทหารเรือยืนยันว่าไม่ได้พูดตามที่นายสนธิ ออกมากล่าวอ้างจะกลายเป็นว่าผมไปสั่งได้อย่างไร ซึ่งผู้บัญชาการทหารเรือยืนยันว่า รับผิดชอบเองได้และไม่ต้องให้ใครมาสั่งในเรื่องแบบนี้

ขณะที่มีการเปลี่ยนจากการฝึกไปลาดตระเวนแท่นขุดเจาะน้ำมันอ่าวไทยแทนนั้น นายภูมิธรรมย้ำว่า กองทัพเรือได้ทำตามแผนอยู่แล้ว และเป็นไปตามวงรอบการฝึกไม่สามารถ บิดเบือนได้ ซึ่งการลาดตระเวนมีหลายสาเหตุ อาจจะเป็นการดูพื้นที่บ้างหรือลาดตระเวนตามชายฝั่ง และแผนที่ที่กองทัพเรือวางไว้ ดังนั้นอย่าไปพูดเรื่องนี้จนกลายเป็นประเด็นอีกเนื่องจาก การดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องเกาะกูดเป็นเรื่องอ่อนไหวและอาจมีผลเสียหายต่อประเทศ เหมือนการไปยุยงให้เกิดการต่อสู้กัน หรือใช้ความรุนแรงต่อกัน จึงเป็นเรื่องไม่เหมาะไม่ควร ทั้งนี้ขอให้ฟังตามข้อเท็จจริง ขออย่าใส่ใจกับข่าวลือ ข่าวปล่อยมากนัก 

เมื่อถามว่า การเปลี่ยนพื้นที่การฝึก เพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าใจผิดระหว่าง 2 ประเทศใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่มีอะไรที่จะป้องกัน เพราะกองทัพเรือดำเนินการตามปกติ มีแต่ภายในประเทศมีแต่ภายในประเทศเราเท่านั้น ที่มากระตุ้นกันเอง 

เมื่อถามว่า วานนี้(26 พ.ย.) ได้เชิญผู้บัญชาการทหารเรือ เข้าหารือที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อมีเรื่องสำคัญอะไรหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่ได้มีการหารือเรื่องใดเป็นพิเศษ ซึ่งผู้บัญชาการทหารเรือได้เข้ามารายงานตามวงรอบ และที่ผ่านมาคุยกับทุกเหล่าทัพ เพราะอยากจะทราบปัญหาในการทำงาน เพื่อให้เกิดความใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น 
เพราะถือว่าทุกเหล่าทัพมีความสำคัญ และมีความสัมพันธ์เป็นพี่เป็นน้อง และเป็นเพื่อนร่วมงานกันมากกว่าจะคิดว่าเป็นผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชา 

“ส่วนตัวคิดว่าความสัมพันธ์ที่ดีนั้นจะช่วยแก้ปัญหาในหลายเรื่องได้ เพราะวันนี้มาถึงจุด ที่ทุกคนต้องร่วมกันสร้าง และสร้างกองทัพให้เป็นกองทัพยุคใหม่ เพราะโลกมีการเปลี่ยนแปลงและมีความท้าทายใหม่ๆเพิ่มมากขึ้น ซึ่งแตกต่างไปจากเดิมมากขึ้น” นายภูมิธรรมกล่าว 

รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม  กล่าวอีกว่า ดังนั้นสิ่งที่เราพูดคุยกัน หรือประชุมร่วมกัน เพิ่อหาแนวทางในการปรับตัวกองทัพรับความท้าทายใหม่ๆ และภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้น และนำมาแก้ไขจุดอ่อนเพราะอยากเห็นการแก้ไขปัญหา ตั้งแต่ต้นเพื่อจะได้หางบประมาณ มาดำเนินการ เช่นการขุดลอกคูคลอง การสร้างกำแพงน้ำ โดยเฉพาะพื้นที่ท่วมซ้ำซาก เพราะโดยส่วนตัวมองว่าต้องทำมากกว่าการดูแลเรื่องน้ำท่วมน้ำแล้ง 

เมื่อถามว่า นายสนธิ ประกาศลงถนนมีความเห็นอย่างไร ในฐานะดูแลด้านความมั่นคง นายภูมิธรรมกล่าวว่า เป็นการใช้สิทธิ์ตามกฎหมาย อย่าให้ผิดกฎหมายก็แล้วกัน