“ทัพภาค 3” ยันสัมพันธ์ไทย-เมียนมาตามแนวชายแดน อยู่ในระดับดีต่อกัน “ผบ.ทบ.”สั่งทัพภาค 3 ชี้แจงว้าแดง-ทหารไทย เผชิญหน้าพื้นที่พิพาท ยันสถานการณ์ไม่ตึงเครียด สั่ง ผบ.หน่วย-ผบ.พัน กวดขันวินัยกำลังพล พร้อมเร่งรับนโยบายรัฐบาลจัดระเบียบชายแดน สกัดยาเสพติด

พันเอก รุ่งคุณ มหาปัญญาวงศ์ โฆษกกองทัพภาค 3 แถลงว่า ตามที่ได้ปรากฏข่าวสารข้อมูลในสื่อสังคมออนไลน์ ประเด็นเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดแม่ฮ่องสอน กองทัพภาคที่ 3 ขอชี้แจงข้อเท็จจริง ว่า 1. กองทัพภาคที่ 3 มีพื้นที่รับผิดชอบตามแนวชายแดน ความยาวประมาณ 1,926 กิโลเมตร โดยมีภารกิจที่สำคัญ ได้แก่  การปกป้องและรักษาอธิปไตยของชาติ , การดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนไทย ตามแนวชายแดน , การจัดระเบียบพื้นที่ชายแดน  การป้องกันและแก้ไขปัญหาความมั่นคงที่สำคัญ ได้แก่ ยาเสพติด ผู้หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และอื่นๆ    

2.กองทัพภาคที่ 3 ได้ปฏิบัติตามขอบเขตของอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย และได้ปฏิบัติการตามพันธกิจของกองทัพบก โดยใช้กลไกความร่วมมือที่มีอยู่ในทุกระดับ ได้แก่ คณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น (Township Border Committee : TBC) ได้แก่ คณะกรรมการฯ TBC แม่ฮ่องสอน – ลอยก่อ และ คณะกรรมการฯ TBC แม่สาย – ท่าขี้เหล็ก       

คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee : RBC) กองทัพภาคที่ 3 - สำนักปฏิบัติการพิเศษที่ 4 กองทัพเมียนมา และคณะกรรมการระดับสูง (High Level Committee : HLC) กองบัญชาการกองทัพไทย – กองทัพเมียนมา ในการแก้ปัญหาจะเริ่มจากเบาไปหาหนัก โดยการพูดคุยกับทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งร่วมกันให้ปัญหายุติโดยเร็ว โดย กองทัพภาคที่ 3 มีความพร้อมในการปกป้องอธิปไตยในทุกพื้นที่   

3.เส้นเขตแดนระหว่างไทย – เมียนมา ตั้งแต่จังหวัดเชียงราย ถึง จังหวัดระนอง รวมทั้งพื้นที่ทางทะเลยังไม่สามารถปักปันเขตแดนร่วมกันได้ครบทุกพื้นที่ ซึ่งบริเวณที่ปรากฏต่อสื่อมวลชนดังกล่าว ยังไม่มีการสำรวจ และปักปันเขตแดน ทั้งนี้ กองทัพภาคที่ 3 ได้ดำเนินการตามขั้นตอนในข้อ 2 ทุกระดับแล้ว ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการเจรจาระหว่างรัฐต่อรัฐ

 4. กองทัพภาคที่ 3 ขอยืนยันว่าสถานการณ์ชายแดนจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดแม่ฮ่องสอน อยู่ในภาวะปกติ สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปลอดภัย รวมทั้งความสัมพันธ์ตามแนวชายแดนยังคงอยู่ในระดับ  ที่ดีต่อกัน กองทัพภาคที่ 3 พร้อมที่จะปกป้องอธิปไตยของชาติ และพี่น้องชาวไทยอย่างดีที่สุด

พันเอก  ฐิต์รัชช์ สมบัติศิริ โฆษกกองทัพบก พร้อม พันโทหญิง ปวีณา ศรีบัวชุม และ พันโทหญิง ญดา โชติชูตระกูล รองโฆษกกองทัพบก แถลงข่าวหลังการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก (นขต.ทบ.) ที่ มีพลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานการประชุม ที่กองบัญชาการกองทัพบก

พันเอก  ฐิต์รัชช์  กล่าวว่า หลังจากรับตำแหน่งผบ.ทบ. และได้ปฎิบัติหน้าที่มาแล้ว 57 วัน ซึ่งได้รับคำชมจากหน่วยเหนือ ผู้บังคับบัญชา รวมถึงบุคคลภายนอก ภายหลังกำลังพลได้มีการช่วยเหลือประชาชนด้านจิตอาสา เรื่องการป้องกันชายแดน เรื่องการดูแลทหารใหม่

พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์  ผบ.ทบ. ชื่นชมผู้บังคับหน่วยที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งยังได้ลงพื้นที่ด้วยตัวเอง และขอให้ดำรงรักษาไว้ความดีแบบอย่างนี้ไว้ตลอด

ผบ.ทบ. ยังเน้นย้ำในที่ประชุมว่า กองทัพบก ยังคงมีความท้าทาย หลังที่รัฐบาลได้มอบหมายภารกิจต่างๆ ให้กับกองทัพบก เช่นการจัดระเบียบชายแดน การป้องกันชายแดน โดยการบูรณาการกับทุกภาคส่วน ให้จัดพื้นที่ชายแดน ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ยึดตามกฎหมาย ซึ่งปัจจุบัน พบว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของยาเสพติด เข้ามาทางพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นจำนวนมาก รัฐบาลได้จัดตั้งหน่วยบัญชาการ สกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ในการดูแลพื้นที่ตอนกลางโดยทำหน้าที่ประสานงาน เพื่อสกัดกั้นยาเสพติด ในพื้นที่ของกองทัพภาค1

ทั้งนี้  ผบ.ทบ. ยังได้กล่าวว่า การแต่งตั้งผู้บังคับหน่วยและผู้บังคับการกองพัน เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ขอให้ปฎิบัติหน้าที่ดูแลกำลังพลให้อยู่ในระเบียบวินัย ไม่ให้มีการกระทำที่ส่งผลกระทบต่อกองทัพบก และความเชื่อมั่นศรัทธาที่ประชาชนมี

 สำหรับสถานการณ์ชายแดน หลังปรากฏข่าวมีการเผชิญหน้าระหว่างกลุ่มว้าแดงและทหารไทย ในพื้นที่อ.ปาย จ. แม่ฮ่องสอน กรณีพื้นที่พิพาทตามชายแดนว่า  ปัจจุบันกรณีพิพาทชายแดน ยังปักปันเขตแดนไม่เรียบร้อย ซึ่งทั้งสองประเทศต่างรักษาผลประโยชน์ของตัวเอง

ผบ.ทบ.  ได้สั่งการให้ทางกองทัพภาค 3 ได้แถลงข่าวภายในวันนี้ ซึ่งเบื้องต้นไม่มีรายงานว่าสถานการณ์ชายแดนมีความตึงเครียด ตามที่ปรากฏเป็นข่าว และปัญหานี้ เกิดขึ้นมานานแล้ว เราก็ได้มีการทำเรื่องประท้วงคู่กรณี โดยสถานการณ์ภาพรวม  ไม่ได้รับการยืนยันว่ามีความรุนแรง