วันที่ 26 พ.ย.2567 นายพายัพ ปั้นเกตุ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี ให้ความเห็นถึงกรณีนายสนธิ ลิ้มทองกุล ประกาศจะปลุกม็อบชุมนุมไล่รัฐบาลว่า นายสนธิ เป็นคนตกยุคสมัยไปแล้วไม่เข้าใจสถานการณ์การเมืองปัจจุบันว่าเขาก้าวข้ามความขัดแย้งกันแล้ว พรรคการเมืองที่เคยเป็นคู่ขัดแย้งกันรุนแรงในอดีตเขาก็ละวางอดีตหันมาจับมือร่วมกันทำงานเพื่อบ้านเมืองประเทศชาติและประชาชนกันหมดแล้วทั้ง 11 พรรคไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์ พรรครวมใจสร้างชาติ และพรรคพลังประชารัฐ แม้จะเป็นคู่ขัดแย้งทางการเมืองเข้มข้นรุนแรง ก็หันมาจับมือกันร่วมรัฐบาล ซึ่งถือเป็นปรากฎการณ์สลายขั้วความขัดแย้งสิบกว่าปีที่ผ่านมาลงอย่างราบคาบ และเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งของคนในชาติ

“ถามว่าปรากฎการณ์ปรองดองเพื่อบ้านเมืองที่ดีเเบบนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นง่ายๆ หรือไง ถ้าทุกคนไม่มีใจ ไม่มีที่ยึดเหนี่ยวร่วมกันก็ทำไม่ได้หลอก นายสนธิและฝ่ายแค้นฝังหุ่นน่าจะยินดีกับปรากฎการณ์การเมืองคราวนี้มากกว่า ออกมาตะโกนบอกว่ารับไม่ได้จะต้องปลุกม็อบไล่รัฐบาล อยากถามว่านายสนธิ เป็นอะไรมากหรือเปล่าถึงยอมรับการเปลี่ยนแปลงของบ้านเมืองไม่ได้ ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องดี ที่เอาคนมีความสามารถทุกพรรคมาช่วยกันทำงาน ซึ่งขณะนี้ผ่านไป 1 ปีรัฐบาลก็มีแนวโน้มจะทำอะไรต่อมิอะไรได้มากขึ้น สู้ให้โอกาสรัฐบาลปรองดองแห่งชาตินี้ทำงานให้ครบวาระจะไม่ดีกว่าออกมาปั่นกระแสความขัดแย้งระลอกใหม่หรอกหรือ” นายพายัพกล่าว

นายพายัพ กล่าวต่อว่า ทุกวันนี้ทั่วโลกต่างจับตามองรัฐบาลไทยในปัจจุบันว่าจะกลับมาผงาดเป็นเสือใหญ่ทางด้านเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียอีกครั้งหนึ่ง นี่เป็นเรื่องที่น่ายินดีไม่ใช่หรือ แต่นายสนธิและฝ่ายแค้นกลับหมกมุ่นกับอดีตมากเกินไปยอมรับความศิวิไลใหม่ทางการเมืองของประเทศไม่ได้ จึงอยากฝากไปยังนายสนธิและฝ่ายแค้นว่าลดทิฐิตนเองลงบ้างหันมาให้โอกาสประเทศชาติบ้านเมืองด้วยกัน แก่ๆ กันแล้วจะอยู่กันสักกี่วันกี่ปีไม่รู้ สู้อดทนนั่งดูความเจริญของประเทศด้วยกันสักสมัยจะดีกว่า