“ศศิกานต์” เผยตัวเลขภาษีน้ำมัน ปี 67 มีรายได้กว่า 2 แสนล้าน เพิ่มขึ้นกว่า 8 หมื่นล้าน สูงกว่าปี 66 จากผลงานเดินหน้าปราบปราม จับกุมขบวนลักลอบขนน้ำมันเถื่อน บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่อง
วันที่ 26 พ.ย.67 นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ผลงานการปราบปรามน้ำมันเถื่อน ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันป้องกันปราบปราม และบูรณาการแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในและต่างประเทศ และจัดทำฐานข้อมูลท้องถิ่น เช่น ปั๊มน้ำมัน ปั๊มหลอด คลังน้ำมัน แก๊ส พบว่ามีผู้ประกอบการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิง สถานประกอบการที่มีระบบจัดการน้ำมันไว้ใช้เองในกิจการ จำนวน 21,019 จุด ขณะเดียวกันก็มีการจัดชุดปฏิบัติการควบคุมและตรวจสอบด่านศุลกากรส่งออก โดยประสานความร่วมมือกับสรรพสามิตพื้นที่ในการร่วมตรวจสอบความถูกต้องของเส้นทางการเดินรถบรรทุกน้ำมันที่ด่านถึง 9,118 ครั้ง ในการลงตรวจทั้ง 20 ด่านปลายทางทั่วประเทศ เพื่อป้องกันการทุจริตลักลอบจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงผิดกฎหมาย พร้อมติดตามสืบสวนขยายผล ดำเนินคดี และปรับโทษตามกฎหมาย เพื่อพิสูจน์ทราบแหล่งผลิตน้ำมันไม่ได้คุณภาพ บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ภาพรวมสามารถจับกุม ปราบปราม ดำเนินคดีและปรับโทษตามกฎหมายได้กว่า 1,186 คดี โดยมีคดีเปรียบเทียบปรับ 706 คดี ค่าปรับรวมมากกว่า 34,000 ล้านบาท โดยศูนย์จะเร่งรัดการปฏิบัติปราบปรามเรือประมงดัดแปลงลักลอบขนน้ำมันเถื่อน ที่มีอยู่ในน่านน้ำไทยจำนวนมากในปีนี้ให้หมด เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายทะเลสีขาว และจะมีการดำเนินการอื่น ๆ พร้อมกำหนดมาตรการเพิ่มเติมในภายหลัง
สำหรับผลการจัดเก็บรายได้ภาษีน้ำมันในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 สามารถจัดเก็บรายได้ภาษีน้ำมันได้ถึง 209,827.35 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อนถึง 81,419 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 63.41 (ในปีงบประมาณ 2566 สามารถจัดเก็บรายได้ภาษีน้ำมันได้ 128,407.72 ล้านบาท)
“ผลจากความมุ่งมั่นตามแนวนโยบายของรัฐบาลที่เน้นป้องกันและปราบปรามการลักลอบค้าน้ำมันเถื่อนอย่างเคร่งครัด และจับกุมเครือข่ายผู้กระทำผิดอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้รัฐสามารถจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันได้มากขึ้น ทั้ง ยังลดผลกระทบกับสถานีบริการน้ำมันในพื้นที่ซึ่งประกอบอาชีพถูกต้องเสียภาษีถูกต้องตามกฎหมาย โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะขยายผลดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเครือข่ายอื่น ๆ ที่ยังกระทำผิด เพิ่มประสิทธิภาพการปราบปรามน้ำมันเถื่อนให้หมดไปจากสังคมไทย” นางสาวศศิกานต์ กล่าว