วันที่ 23 พ.ย.67  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังสอบปากคำภรรยาและลูกสาวของ "หมอบุญ" ตั้งแต่ช่วงบ่ายโมงที่ผ่านมา ขณะนี้ผ่านไปกว่า 5 ชั่วโมง พบว่าการสอบปากคำเป็นไปอย่างเคร่งเครียด โดยพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสัญญาเงินกู้ เช็ค การโอนเงิน การโอนหุ้น การเช่าห้องพัก การเซ็นลงเอกสารต่างๆในแต่ละช่วงเวลา รวมถึงประเด็นอื่นๆรวมมากกว่า 50 คำถาม ซึ่งตลอดการสอบปากคำพบว่าผู้ต้องหาได้ให้ทนายความตรวจและอ่านเอกสารหลักฐานต่างๆอย่างละเอียด จึงทำให้การสอบสวนค่อนข้างนานกว่าปกติ

อีกทั้งผู้ต้องหายังขอรับประทานยารักษาโรคประจำตัวในระหว่างการสอบปากคำเกือบทุกชั่วโมง จากนั้นพนักงานสอบสวนจึงได้พักการสอบปากคำและให้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนโดยรถตู้ของสน. ห้วยขวางนำไปฝากควบคุมตัวไว้ที่สน. พญาไท เนื่องจากต้องควบคุมตัวกลับมาสอบปากคำอีกครั้งในช่วงสายวันพรุ่งนี้ เพราะยังมีประเด็นที่ต้องสอบปากคำเพิ่มเติมอีกหลายประเด็น ก่อนพิจารณานำตัวไปส่งฝากขังที่ศาลอาญา รัขดา ในช่วงเช้าของวันจันทร์ ที่ 25 พ.ย.2567

 

ด้านพลตำรวจตรี อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 กล่าวว่า การติดตามจับกุมตัวนายแพทย์บุญ ที่ยังหลบหนีอยู่ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนจีน ได้ประสานไปยังกองการต่างประเทศให้ทำหนังสือไปยัง interpol หรือตำรวจสากล เพื่อออกหมายแดงให้ช่วยติดตามจับกุมตัวนายแพทย์บุญมาดำเนินคดี ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนทางธุรการ และประสานงานไปยังตำรวจสากล ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายมีความกังวลว่าประเทศจีนมีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนหรือไม่ พบว่ามีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนแต่เป็นคดีอุกฉกรรจ์ ส่วนคดีที่เกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงมีความหมิ่นเมย์ว่าจะเข้าเงื่อนไขหรือไม่ ซึ่งหากตำรวจสากลออกหมายแดงเรียบร้อยแล้ว และสืบหาตัวผู้ต้องหาได้ ก็จะทำหนังสือชี้แจงรวมถึงนำพยานหลักฐานต่างๆที่เกี่ยวข้องกับคดีรวมถึงความเสียหายต่างๆที่เกิดขึ้นให้ทางการจีนพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรได้บ้าง 

ส่วนการออกหมายจับในล็อตที่ 2 ยืนยันว่ามีแน่นอน ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน โดยจะมุ่งเป้าไปที่เหล่าบรรดาโบรกเกอร์ที่ชักชวนผู้เสียหายร่วมลงทุนหรือกู้เงิน เพราะจากการสืบสวนสอบสวนพบว่าส่วนใหญ่ผู้เสียหายจากหลงเชื่อโบรกเกอร์มากกว่าเพราะเป็นตัวแทนในการลงทุนซื้อขายหุ้นกันมาเป็นเวลานาน และถือว่าเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในเปอร์เซ็นต์หรือส่วนแบ่งจากการลงทุนกับนายแพทย์บุญ จึงต้องมีส่วนรับผิดชอบในคดีดังกล่าว ส่วนจะมีจำนวนเท่าใดอยู่กับจำนวนของผู้เสียหายที่เข้ามาแจ้งความและให้การพาดพิงไปถึงโบรกเกอร์ที่ชักชวน จึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อของนายแพทย์บุญและขบวนการ สามารถเข้าแจ้งความได้ที่สถานีตำรวจในพื้นที่ โดยไม่ต้องกังวลว่าคดีดังกล่าวจะเป็นคดีแพ่ง เพราะจากการตรวจสอบพยานหลักฐานพบว่าผู้ก่อเหตุมีพฤติการณ์ประสงค์ต่อทรัพย์ซึ่งถือว่าเป็นพฤติการณ์ที่เข้าข่ายความผิดในข้อหาฉ้อโกงประชาชน ซึ่งเป็นคดีอาญาที่สามารถดำเนินคดีได้

ส่วนกรณีที่ผู้เสียหายสงสัยว่า เหตุใดจึงกันน้องสะใภ้ของนายแพทย์บุญไว้เป็นพยาน เรื่องนี้ยืนยันว่าคดีนี้ไม่มีการกันใครไว้เป็นพยาน เหลือเพียงการพิจารณาและรวบรวมพยานหลักฐานว่าบุคคลใดเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดหรือไม่และพิจารณาว่าจะแจ้งข้อหาใด