กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB)โดย บก.ปทส. ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้-พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผบก.ปทส.,พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา รอง ผบก.ปทส.,พ.ต.อ.ณัทกฤช น้อยคำปัน ผกก.4 บก.ปทส.,พ.ต.อ.วิญญู แจ่มใส ผกก.2 บก.ปทส.เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.เกียรติพันธ์ เจริญชนิกานต์รอง ผกก.4 บก.ปทส. นำกำลัง เจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จับกุมนายเอ (นามสมมติ)  อายุ 60 ปี พร้อมตรวจยึดของกลาง ประกอบด้วยซากสัตว์ป่า (เสือโคร่ง) จำนวน  3 ตัว (สภาพสมบูรณ์) โดยกล่าวหาว่า มีการกระทำผิด พ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ฐานมีไว้ในครอบครอง,ค้าหรือจำหน่าย ซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครองหรือซากของสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จับกุม บ้านเลขที่ 222/139 ม.3 ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี


ภายใต้เครือข่ายภาคีความร่วมมือเจ้าหน้าที่กรมบริหารทรัพยากรสัตว์น้ำและสัตว์ป่าแห่งสหรัฐอเมริกา (United States Fish and Wildlife Service (USFWS หรือ FWS) ร่วมกับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB)และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ต่อยอดความสำเร็จในการต่อต้านการค้าสัตว์ป่าระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตามโครงการ US Fish and Wildlife Service Southeast Asia ดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาการลักลอบค้าสัตว์ป่าซึ่งเป็นอาชญากรรมข้ามชาติ นั้น เจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนหาข่าวทราบว่ามีบุคคลได้พยายามนำซากสัตว์ป่าสงวน (เสือโคร่ง) สภาพสมบูรณ์ จำนวน 3 ตัว ออกมาเสนอขาย เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการสืบสวนจนทราบว่าซากเสือโคร่งทั้ง 3 ตัวดังกล่าว ผู้ครอบครองเก็บไว้ยังจุดตรวจยึด จึงได้ทำการขอหมายค้นและได้ทำการเข้าตรวจค้นยึดในครั้งนี้


ข้อมูลจากการสืบสวนทราบมาว่าซากเสือดังกล่าว เป็นเสือโคร่งสุมาตรา ผู้ต้องหาได้มาจากประเทศอินโดนีเซียมานานว่า 40 ปีแล้ว เนื่องจากเดือดร้อนขัดสนเงิน จึงตัดสินใจนำมาขาย  โดยขายให้กับสายลับในราคา 900,000 บาท  ต่อรองกันจนเหลือ 200,000 บาท  


แต่ภายหลังผู้ต้องหาไหวตัว จึงยุติการซื้อขายลง  ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปทส. สืบสวนติดตามจนรู้แหล่งซุกซ่อนของซากเสือดังกล่าว  ก่อนจะขอหมายค้นบ้านพักพบและตรวจยึดซากเสือดังกล่าว  นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางบัวทอง ดำเนินคดีตามกฎหมาย


ปทส.เตือนภัย  การครอบครองซากสัตว์ป่า นอกจากเป็นการสนับสนุนผู้กระทำความผิดในการล่าแล้ว ยังทำลายสมดุลทางธรรมชาติในทางอ้อมด้วย