กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.เอกสิทธิ์ ปานสีทา ผกก.4 บก.ป., พ.ต.ท.เจษฎา แก้วจาเครือ รอง ผกก.4 บก.ป., พ.ต.ท.อรรถวิทย์ สุขทัศน์ รอง ผกก.4 บก.ป. , พ.ต.ท.เอนก บุญตา รอง ผกก.4 บก.ป.เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.ศุภกร ตังคะประเสริฐ รอง ผกก.4 บก.ป., พ.ต.ท.กิตติพงศ์ ศิลาพันธุ์ สว.กก.4 บก.ป., พ.ต.ท.อัคนี ณ บางช้าง สว.กก.4 บก.ป., พ.ต.ท.ปิยะพร เรียนสุทธิ์ สว.กก.4 บก.ป. , พ.ต.ต.พัฒน์ คล้ายวัฒนะ สว.กก.4 บก.ป., ร.ต.อ.นราวิชญ์ เปี้ยสุ, ร.ต.อ.นุกูล ใจอารี รอง สว.กก.4 บก.ป., ร.ต.ต.ศรศักดิ์ แก้วแกลบ รอง สว.(ป.) กก.4 บก.ป., ด.ต.หญิง อาภากร อักขรา, ด.ต.จิรัสย์ พีระชัยนันต์, ด.ต.เทวฤทธิ์ ยิ้มพวง, ด.ต.เทอดพงษ์ ใยวังหน้า, ด.ต.สุชาติ เสาะก่าน, จ.ส.ต.ขจรศักดิ์ มานะบุตร และ ส.ต.ท.ชามาช ชัยสามารถ ผบ.หมู่ กก.4 บก.ป. ร่วมกันจับกุม
1.นายสายชลฯ อายุ 42 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญา ที่ 5558/2567 ลงวันที่ 18 พ.ย.67 ความผิดฐาน “รับของโจรเพื่อค้ากำไร” (เจ้าเพจประกาศขายรถ)
2.นายสุรเดชฯ อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญา ที่ 5557/2567 ลงวันที่ 18 พ.ย.67 ความผิดฐาน “รับของโจรเพื่อค้ากำไร” (เจ้าเพจประกาศขายรถ)
3.น.ส.กันตาฯ อายุ 41ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญา ที่ 5555/2567 ลงวันที่ 18 พ.ย.67 ความผิดฐาน “รับของโจรเพื่อค้ากำไร” (คนรับจำนำรถ)
4.นายวินัยฯ อายุ 49 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญา ที่ 5560/2567 ลงวันที่ 18 พ.ย.67 ความผิดฐาน “รับของโจรเพื่อค้ากำไร” (คนขับรถไปส่งให้ลูกค้า)
5.นายบุญฤทธิ์ฯ อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญา ที่ 5556/2567 ลงวันที่ 18 พ.ย.67 ความผิดฐาน “รับของโจร, รับของโจรเพื่อค้ากำไร” (คนติดต่อซื้อรถให้กลุ่มคนจีน)
6.น.ส.ปุญญวีย์ฯ อายุ 32 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญา ที่ 5559/2567 ลงวันที่ 18 พ.ย.67 ความผิดฐาน “รับของโจรเพื่อค้ากำไร” (อายัดตัว) (กลุ่มซื้อรถไปปล่อยเช่ารายวัน)
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปราม ได้ทำการสืบสวนสอบสวนเกี่ยวกับเครือข่ายจำหน่ายรถโดยผิดกฎหมาย โดยมีลักษณะนำรถที่ถูกลักทรัพย์ ยักยอก หรือถูกขายมาโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของกรรมสิทธิ์ มาประกาศขายในราคาถูกกว่าท้องตลาด และน่าเชื่อว่ารถดังกล่าวอาจถูกนำไปใช้ในการก่ออาชญากรรมอื่นๆ จากการสืบสวนพบว่ารถที่นำมาขายโดยผิดกฎหมาย มีการประกาศขายในบัญชีเฟซบุ๊ก ชื่อ... ซึ่งทราบภายหลังว่าผู้ใช้คือ นายสายชลฯ และบัญชี เฟซบุ๊ก ชื่อ ... ทราบภายหลังว่าผู้ใช้คือ นายสุรเดชฯ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการสืบสวน ขยายผลเพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มเครือข่ายดังกล่าวซึ่งประกอบด้วย เจ้าของเพจเฟซบุ๊ก, ผู้รับจำนำรถ, ผู้ทำหน้าที่ขับรถไปส่งให้กับผู้ซื้อรถผิดกฎหมาย และนายหน้าช่วยประกาศขายรถ โดยได้ขอศาลอนุมัติหมายจับกลุ่มขบวนการจำนวน 6 หมายจับ ตามหมายจับข้างต้น
ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า นายสายชลฯ (ผู้ต้องหาที่ 1) มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับอาวุธปืน เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้ประสานขอกำลังชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมานเข้าร่วมจับกุม โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 6 ราย ในพื้นที่ กทม., ปทุมธานี, เพชรบูรณ์ และ เชียงราย ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินดคีตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ จากการตรวจค้นบ้านพักของ นายสายชลฯ (ผู้ต้องหาที่ 1) ซึ่งเป็นเจ้าของเพจเฟซบุ๊กประกาศขายรถผิดกฎหมายในลักษณะรถหลุดจำนำนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจยึดรถยนต์ จำนวน 3 คัน, รถจักรยานยนต์ จำนวน 1 คัน, ป้ายทะเบียนรถ 28 ป้าย, สมุดคู่มือรถ, และชิ้นส่วนเลขตัวถังซากรถที่มีหมายเลขตัวถังรถ และเครื่องตรวจจับสัญญาณ GPS รวมของกลางทั้งหมด 83 รายการ มูลค่ากว่า 5 ล้านบาท โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่ายังมีรถที่ถูกจำหน่ายโดยผิดกฎหมายในลักษณะนี้อีกหลายคัน ซึ่งจะได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนขยายผลต่อไป