SA คาดแนวโน้มผลงานไตรมาส 4/2567 เติบโตโดดเด่น จากการโอนกรรมสิทธิ์โครงการ LANDMARK AT MRTA STATION หลังปรับกลยุทธ์ลุย Branded Residence ผสม Mixed Use ฟากซีเอฟโอ "รีย์ฐิตา อักษรจิรารัตน์" กางแผนขยายโครงการแนวราบสู่กลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย และรุกตลาดเช่าเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมอวดงบ 9 เดือนปีนี้ทำกำไรแล้ว 288.72 ล้านบาท มากกว่ากำไรปี 66 ที่ทำได้ 193.06 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 22 พ.ย.67 นางสาวรีย์ฐิตา อักษรจิรารัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงินและบัญชี บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) (SA) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2567 คาดว่าจะสามารถเติบโตโดดเด่น จากการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดโครงการ LANDMARK AT MRTA STATION และโครงการแนวราบ ซึ่งบริษัทฯ มุ่งเน้นการพัฒนาโครงการในทำเลศักยภาพ ใจกลางเมือง และย่านธุรกิจใหม่ เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการความสะดวกสบาย และนักลงทุนที่มองหาโอกาสการเติบโตในตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย

ทั้งนี้ บริษัทฯ สร้างความแตกต่างด้วยการนำเสนอโครงการ Branded Residence ที่ผสมผสานบริการโรงแรมระดับโลกเข้ากับการอยู่อาศัย และการพัฒนาโครงการ Mixed Use ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบครบวงจร นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการอยู่อาศัย เช่น โรงแรม ร้านอาหาร และบริการสุขภาพ เพื่อสร้างประสบการณ์การอยู่อาศัยที่สมบูรณ์แบบ

"จากการปรับกลยุทธ์ด้าน Branded Residence และ Mixed Use ส่งผลทำให้โครงการ LANDMARK AT MRTA STATION มีกระแสตอบรับที่ดี มียอดจองและยอดรอโอนจำนวนมาก ส่วนโครงการแนวราบเติบโตได้ตามเป้าหมายที่บริษัทฯ วางไว้ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายมุ่งสู่การเป็นผู้นำด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ยั่งยืนภายใต้แนวคิด THE SUSTAINOVATIVE LIVING และมุ่งสร้างสมดุลของรายได้ พร้อมคาดการณ์สัดส่วนรายได้ภายในปี 2569 มาจากโครงการแนวสูง 70% โครงการแนวราบ 20% และรายได้ประจำ 10%"

นอกจากนี้ บริษัทฯ มีแผนขยายโครงการแนวราบเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย รวมถึงการเจาะกลุ่มนักลงทุนในตลาดเช่า ซึ่งคาดว่าจะเป็นโอกาสในการขยายธุรกิจในระยะต่อไป เพื่อมุ่งสร้างการเติบโตของผลงานอย่างมั่นคงและยั่งยืน

อนึ่งภาพรวมผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ ในงวด 9 เดือนแรก มีรายได้รวมเท่ากับ 3,282.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,008.12 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 157.55% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 1,274.59 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ มีผลกำไรรวมทั้งสิ้น 303.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 189.76 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 166.21% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 114.17 ล้านบาท โดยเป็นกำไรจากส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 288.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 221.52 ล้านบาท หรือ 329.67% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 67.20 ล้านบาท โดยสามารถเติบโตได้สูงกว่ากำไรของทั้งปี 2566 ที่ทำได้ 193.06 ล้านบาท