"เจ๊อ้อย" เผยดูแล "ทนายตั้ม" เที่ยวเมืองนอก ครั้งละ 3-4 ล้าน ยันยังไม่ได้พินัยกรรมเจ้าปัญหา ด้าน "ปปง."เปิดระบบคุ้มครองสิทธิฯ ให้ผู้เสียหาย ยื่นคำร้องขอชดใช้คืนค่าเสียหายในคดีดิ ไอคอน กรุ๊ป ได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 17 ก.พ.68 ขณะที่ "ทนาย" ของ "บอสพอล" เผยปรับปรุงเอกสารสอบพยาน เตรียมส่ง "ดีเอสไอ "จันทร์ 25 พ.ย.นี้ พร้อมส่งพยานสอบ 200 คนต่อวัน ให้ทัน 3 ธ.ค.นี้ มองเจ้าหน้าที่สอบสวนพยานชี้นำ ยันมีคลิปเสียงเตรียมส่งอัยการ เชื่อมีธงส่งฟ้อง
เมื่อวันที่ 21 พ.ย.67 เพจเฟซบุ๊กคุยทุกเรื่องกับสนธิ โดยมี นายสนธิ ลิ้มทองกุล สื่อมวลชนอาวุโส และเจ้าของรายการฯ ได้สัมภาษณ์พิเศษ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือ "เจ๊อ้อย" ในรายการ "EXCLUSIVE FOR SONDHI TALK" กรณีที่เมื่อวันที่ 20 พ.ย.67 ตำรวจได้สอบปากคำเจ๊อ้อยนานกว่า 12 ชั่วโมง เนื่องจากเจ๊อ้อยจะเดินทางกลับต่างประเทศ โดยในบางช่วงของรายการ เจ๊อ้อย ได้พูดถึงเรื่องพินัยกรรมที่ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เป็นผู้จัดการมรดก ซึ่งมีทั้งหมด 2 ฉบับ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นราวๆ กลางปี 2566 อีกทั้งด้านนายษิทรายังเป็นคนต้นคิดให้ลูกคนเล็กของตัวเองเป็นลูกบุญธรรมเจ๊อ้อย แต่ด้วยกฎหมายของฝรั่งเศส การที่จะรับบุตรบุญธรรมนั้น ต้องให้ลูกยอมรับแม่บุญธรรมโดยชอบ และด้านลูกของทนายตั้มก็ไม่ยินยอมด้วย กระทั่งตอนนี้เจ๊อ้อยยังไม่ได้พินัยกรรมสักฉบับ
สำหรับเหตุผลที่เลิกจ้างทนายตั้มคือ ทนายตั้มและครอบครัวใช้เงินเจ๊อ้อยเที่ยวต่างประเทศ เช่น ฟินแลนด์ นิวยอร์ก โดยการเที่ยวแต่ละครั้งก็มากกว่าค่าจ้างเป็นเงินราว 3-4 ล้านบาท ส่วนกรณีที่ทนายตั้มชวนเที่ยวเขื่อนเชี่ยวหลาน เพื่อจะพาไปรู้จักคนใหญ่โตในแวดวงการเมือง ตอนแรกปฏิเสธไป เพราะไม่อยากเที่ยวแบบลำบาก และยังไม่ได้คิดถึงเรื่องของการถูกลอบสังหารแต่อย่างใด นอกจากนี้ เรื่องที่ทนายตั้มติดจีพีเอสที่รถยนต์ของเจ๊อ้อย ทางศูนย์ยืนยันว่า มีการดูล่าสุดในเดือนกันยายน ซึ่งเป็นชื่อของภรรยา ทนายตั้ม
วันเดียวกัน สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เปิดให้ผู้เสียหายในคดีดิไอคอนกรุ๊ปฯ ยื่นคำร้องเพื่อขอรับคืน หรือชดใช้คืนทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด หรือชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายในความผิดมูลฐาน ตั้งแต่บัดนี้ จนถึงวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 โดยผู้มีสิทธิยื่นคำร้องฯ ต้องเป็นผู้เสียหายในคดี และขอให้เอกสารที่เกี่ยวข้อง เช่น สำเนาใบแจ้งความ หรือหลักฐานการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน, สำเนาหลักฐานหรือข้อมูลการเป็นสมาชิกในเครือข่ายสมาชิก ดิไอคอน กรุ๊ป, สำเนาหลักฐานการสั่งซื้อสินค้าและ/หรือหลักฐานการขายสินค้า พร้อมหลักฐานสินค้าคงเหลือ หรือหลักฐานการชำระเงินเข้าร่วมกิจกรรม หรือการชำระเงินค่าโฆษณาสินค้าผ่านช่องออนไลน์ (ยิง Ad) (ถ้ามี), สำเนารายการเดินบัญชีเงินฝากธนาคารที่เกี่ยวข้อง พร้อมสลิปการโอนเงินและ/หรือรับโอนเงิน ที่แสดงถึงมูลค่าความเสียหาย และการได้รับชดใช้คืน สำเนาหรือเอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น หลักฐานการพูดคุยชักชวนผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันไลน์
จากนั้น ให้ยื่นคำร้องผ่านระบบคุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย (ระบบอิเล็กทรอนิกส์) ได้ทางเว็บไซต์สำนักงาน ปปง. www.amlo.go.th หรือ ยื่นด้วยตนเอง ที่สำนักงาน ปปง. หรือสถานที่อื่นที่พนักงานเจ้าหน้าที่กำหนด หรือ ยื่นทางไปรษณีย์ลงทะเบียน (จ่าหน้าซองมาที่ สำนักงาน ปปง. เลขที่ 422 ถนนพญาไท แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330) โดยวงเล็บมุมซองว่า ส่งแบบคำร้องขอคุ้มครองสิทธิผู้เสียหายคดีรายบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด กับพวก สามารถยื่นแบบคำร้องได้ตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน 2567 ถึงวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568
ทั้งนี้ สำนักงาน ปปง. ย้ำเตือนผู้เสียหายระวังมิจฉาชีพปลอมเป็นเจ้าหน้าที่สำนักงาน ปปง. อ้างว่า จะช่วยเหลือผู้เสียหายในการขอรับเงินคืน หรือหลอกให้กดลิงก์ลงทะเบียนทางช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยสำนักงาน ปปง. ไม่มีระบบการรับลงทะเบียน/รับคำร้อง เพื่อช่วยเหลือผู้เสียหายทางสื่อสังคมออนไลน์ทุกประเภท รวมทั้ง ไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมใด ๆ ในการยื่นคำร้อง สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน ปปง. 1710 (ในวันและเวลาราชการ)
ที่หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล หรือ "บอสพอล" เดินทางเข้าเยี่ยมบอสพอล พร้อมกับคุยถึงความคืบหน้าในแนวทางการสู้คดี โดยกล่าวว่า ภายหลังจากที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้าสอบปากคำเหล่าบอสของดิไอคอน โดยหลังจากที่ตนได้พูดคุยกับบอสพอลนั้น ขณะนี้เตรียมนำเอกสารของ DSI ไปปรับปรุงใหม่ เนื่องจากเนื้อหาในเอกสารค่อนข้างชี้นำไปในทางคดีแชร์ลูกโซ่ และ พ.ร.บ.ขายตรง โดยกำหนดกรอบระยะเวลาให้แล้วเสร็จภายใน 2 วันก่อนจะส่งคืนให้กับ ดีเอสไอ คาดว่าจะแล้วเสร็จในวันอาทิตย์นี้ แล้วจะยื่นให้กับ ดีเอสไอ ภายในวันจันทร์ที่ 25 พ.ย.67 หลังจากนั้นจะพาพยานฝั่งของดิไอคอน เข้าให้ปากคำกับ ดีเอสไอ ในทันที เบื้องต้นประสานขอทาง ดีเอสไอ เข้าให้ปากคำวันละ 200 คนเพื่อให้ทันกรอบระยะเวลาที่ ดีเอสไอ กำหนดก่อนส่งฟ้องในวันที่ 3 ธ.ค.67
นายวิฑูรย์ ยืนยันว่า ไม่มีเจตนาประวิงเวลา เพราะก่อนหน้านี้ตนได้พยายามยื่นขอประกันตัวบอสวิน แต่ศาลไม่อนุญาต ซึ่งตนเข้าใจว่าอาจจะเป็นเรื่องของกระแสสังคมกดดัน โดยทุกฝ่ายก็ทำงานภายใต้กรอบระยะเวลากำหนด
ทั้งนี้ ตนได้รับการรายงานว่า ดีเอสไอ ได้มีการเชิญพยานฝั่งดิไอคอน ซึ่งเป็นตัวแทนระดับใกล้ชิดเหล่าบอส รวมถึงโปรแกรมเมอร์ ที่เป็นลูกน้องของบอสแล็ป เข้าให้ปากคำแล้วเมื่อวานนี้ (20 พ.ย.67) ซึ่งตนไม่รู้เนื้อหารายละเอียดในการให้ปากคำดังกล่าว เบื้องต้นประมาณ 10-20 คน ซึ่งพยานฝั่งตนได้บอกว่าพนักงานสอบสวนของ ดีเอสไอ พยายามถามชี้นำเพื่อให้เข้า พ.ร.ก.กู้ยืมเงินเพื่อการฉ้อโกงประชาชน หรือแชร์ลูกโซ่ โดยให้พูดเนื้อหาเกี่ยวกับการการันตีรายได้ ชี้นำให้ตัวแทนตอบคำถามในสิ่งที่พนักงานสอบสวนต้องการ ซึ่งได้มีการบันทึกเสียงการสนทนาไว้ทั้งหมด ในลักษณะที่ไม่ให้ปกป้องบริษัท ให้ไปซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์
นายวิฑูรย์ กล่าวว่า ตนจะนำไฟล์บันทึกเสียงทั้งหมดส่งให้กับอัยการเพื่อพิจารณาการสอบสวนของ ดีเอสไอ และนี่จะเป็นหนึ่งในเหตุผลที่จะร้องขอความเป็นธรรม เพราะมองว่าเป็นการสอบสวนที่ไม่ชอบตามกฎหมาย สำหรับไฟล์เสียงนี้ ทาง ดิไอคอน จะไม่เปิดเผยแต่หากทางผู้ใหญ่ใน ดีเอสไอ ต้องการ ก็ยินดีที่จะส่งให้
นายวิฑูรย์ มองว่าการที่ ดีเอสไอ ขีดเส้นการสั่งฟ้องภายในวันที่ 3 ธ.ค.นั้น อาจเป็นการตั้งธงในใจของ ดีเอสไอ ที่จะส่งฟ้อง แม้ว่าจะยังอยู่ในช่วงของการฝากขังผลัดที่ 3
เมื่อถามว่าหากพนักงานสอบสวนไม่สามารถสอบปากคำพยานสั่งดิไอคอนทั้ง 2,000 คนไม่ครบนั้นจะกระทบต่อการสู้คดีหรือไม่ ตนมองว่ากระทบ และเห็นแววในการวินิจฉัยว่าจะไม่ได้รับการประกันตัว ซึ่งตนก็มองว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม
ทั้งนี้ ในสัปดาห์หน้าทางดิไอคอนจะเชิญตัวผู้เชี่ยวชาญทางด้านกฎหมายแชร์ลูกโซ่มาให้ข้อมูลในฝั่งพยานกับดีเอสไอ