# น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมกิจกรรมการสนทนาแบบ one-on-one ในกิจกรรมของ Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 โดยนายกฯได้พูดคุยตอบคำถาม มอร์รา ฟอร์บส์ รองบรรณาธิการผู้จัดการฟอร์บส์ มีเดีย ที่โรงแรม The Ritz Carlton, One Bangkok กรุงเทพฯ
นายกฯได้กล่าวตอนหนึ่งว่า ประเทศไทยดีขึ้นแล้ว หากการเมืองมีเสถียรภาพ ทุกอย่างก็จะมีเสถียรภาพมากขึ้น จะเกิดความเชื่อใจเชื่อมั่นมากขึ้น คิดว่าจะต้องสร้างความมั่นใจทั้งในประเทศและนอกประเทศก่อน ทำให้คนไทยเชื่อมั่นในรัฐบาลว่ารัฐบาลสนับสนุนจริงๆในการทำธุรกิจใหม่ และในประเทศนี้ 75% เป็นเอสเอ็มอี ดังนั้นจึงเป็นสาเหตุว่าทำไมนโยบายของรัฐบาลจึงเป็นเรื่องเอสเอ็มอี เช่น การให้กู้ยืมเงินซอฟโลน และโครงการแจกเงิน 10,000 บาท ที่เราดำเนินการเฟส 1 ไปแล้ว และเฟสที่ 2 จะให้คนอายุ 60 ปีขึ้นไป เพราะเรามองว่าคนกลุ่มนี้ ได้เงินไปแล้วจะใช้ทันทีเพื่อให้เงินสะพัด
# นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณี นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุหากสภาใดสภาหนึ่งไม่เห็นชอบกับร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ตามคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ร่วมกันเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติรัฐสภา ทำให้ต้องยืดระยะเวลา 180 วัน และอาจเข้าเกณฑ์กฎหมายการเงินที่ต้องพักไว้ 10 วัน และจะขอหารือหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลในประเด็นนี้ว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตีความ
แต่ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยได้แสดงจุดยืน ว่าควรจะเป็นการทำประชามติ 2 ชั้น หรือ Double majority ซึ่งจุดยืนตรงนี้เราก็เห็นความจำเป็นอยู่ เพราะพอมีประเด็นเรื่องเกาะกูดและ การเสนอแก้ไขพระราชบัญญัติต่างๆ เราจึงต้องใช้ความระมัดระวังในการแก้ไขกฎหมาย ให้รอบคอบ
# นายจาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) ร่วมกันเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ กล่าวถึงมติเสียงส่วนใหญ่ของคณะกรรมาธิการ ให้คงไว้ตามที่วุฒิสภาแก้ไข คือใช้หลักเกณฑ์เสียงข้างมาก 2 ชั้น ซึ่งมีแนวโน้มว่าเมื่อส่งกลับไปให้แต่ละสภาพิจารณา ฝั่งสภาผู้แทนราษฎรจะไม่เห็นด้วยจนมีผลให้ต้องรอ 180 วัน แต่ปัญหาไม่ได้มีแค่ความล้าช้าในการแก้รัฐธรรมนูญ แต่การลงมติของ กมธ.ที่มีผลเช่นนี้ คือเสียงข้างมาก 13 ต่อ 9 ซึ่งเสียงข้างมากทุกเสียงมากจากกมธ. ฝั่ง สว. สะท้อนว่าปัจจัยที่จะทำให้การแก้รัฐธรรมนูญเกิดขึ้นยากมากคือจำนวนเสียงของ สว.ที่จะไม่ครบตามเงื่อนไขที่ต้องมีมากกว่า 1 ใน 3