วันที่ 21 พ.ย.67 ณ บริเวณบึงอ้อ ตำบลบ้านอิฐ อำเภอเมืองอ่างทอง จังหวัดอ่างทอง สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดอ่างทอง ร่วมกับศูนย์ป่าไม้อ่างทอง และองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านอิฐ จัดกิจกรรมวันรักต้นไม้ประจำปีของชาติ พ.ศ. 2567
วันที่ 21 ตุลาคมของทุกปีนั้น นอกจากจะเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (สมเด็จย่า) แล้ว ในวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2533 คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้เป็นวันบำรุงรักษาต้นไม้ประจำปีของชาติ และต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น "วันรักต้นไม้ประจำปีของชาติ" และใช้ชื่อนี้มาจนถึงปัจจุบัน “วันรักต้นไม้ประจำปีของชาติ” ถือกำเนิดขึ้นจากแรงปณิธานของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ที่ทรงให้ความสำคัญกับการบำรุงรักษาต้นไม้และฟื้นฟูความสมดุลของธรรมชาติ โดยทรงปลูกและบำรุงรักษาต้นไม้ด้วยพระองค์มาตลอดพระชนม์ชีพ โดยครั้งหนึ่งพระองค์ทรงมีพระราชดำริที่ว่า “ฉันจะปลูกป่าบนดอยตุง” เนื่องจากพระองค์ทรงต้องการทอดพระเนตรเห็นความเขียวชอุ่มและความสมบูรณ์ของสภาพป่าบนดอยตุง จากเดิมที่เคยเป็นภูเขาแห้งแล้งไม่มีต้นไม้อยู่เลย ซึ่งพระราชดำรินี้รัฐบาลภายใต้การนำของ ฯพณฯ พลเอกเปรมติณ สูลานนท์ นายกรัฐมนตรี ในขณะนั้นจึงได้ก่อตั้งโครงการพัฒนาดอยตุงขึ้น ในปี พ.ศ. 2531 ทำให้สภาพป่าบนดอยตุงมีความสมบูรณ์ขึ้นมาได้จากความสำเร็จของโครงการพัฒนาดอยตุงในครั้งนี้ และได้จุดประกายให้เกิดการตื่นตัวในการสร้างจิตสำนึกเรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้บังเกิดขึ้นแก่ประชาชนทั่วไปในวงกว้าง
ในวันนี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่เราได้มาร่วมกันบำรุงรักษาต้นไม้ ณ บริเวณบึงอ้อ ตำบลบ้านอิฐ อำเภอเมืองอ่างทอง จังหวัดอ่างทอง ซึ่งเป็นสถานที่ที่เราได้จัดกิจกรรมปลูกต้นไม้เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2567 บนเนื้อที่ 2 ไร่ โดยได้ร่วมกันปลูกต้นมะพูด, ตะโก, กระพี้เขาควาย, ตะแบกนา, มะหาด, สะเดาเทียม, ตะแบกเลือด, ทรงบาดาล, มะขามป้อม, แคนา, มะขวิด, มะรุม, มะกอกป่า, ยมหอม หว้า, ประดู่ป่า, ยางนา, มะฮอกกานี และมะค่าโมง จำนวนประมาณ 300 ต้น เพื่อรณรงค์ปลุกจิตสำนึก สร้างความตระหนักให้ทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประชาชน รวมถึงเยาวชน นักเรียน และนักศึกษา ได้มีส่วนร่วมในการปลูกต้นไม้ รวมพลังร่วมมือร่วมใจเป็นหนึ่งเดียวกันที่จะทำประโยชน์แก่ส่วนรวม และเป็นต้นแบบในการเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเขตเมืองและชุมชน เพื่อช่วยลดมลภาวะเป็นพิษจากฝุ่นละอองและหมอกควัน รวมทั้งช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจก อันเป็นต้นเหตุที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน ส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในปัจจุบัน
ซึ่งเห็นได้ชัดจากสถานการณ์ในตอนนี้ คือ ภาคเหนือเกิดฝนตกหนัก ปริมาณน้ำฝนที่ตกสะสมอย่างต่อเนื่อง เป็นสาเหตุให้เกิดน้ำท่วม ดินโคลนถล่ม ส่งผลให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก ซึ่งหากเรามีต้นไม้ที่ขึ้นปกคลุมอย่างหนาแน่น สิ่งนี้จะเป็นกลไกที่สำคัญในการช่วยกักเก็บน้ำให้คงอยู่ได้ และเมื่อมีการปลูกต้นไม้แล้ว สิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้ต้นไม้เจริญเติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่ อยู่รวมกันหลายๆต้น และกลายเป็นผืนป่าที่มอบชีวิตให้แก่สิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนโลก นั่นคือการบำรุงดูแลรักษาต้นไม้ เห็นคุณค่า และความสำคัญของต้นไม้ ดังนั้น เป้าหมายของวันรักต้นไม้ประจำปีของชาติ พ.ศ. 2567 ในวันนี้ จะบรรลุได้ จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ตลอดจนภาคประชาชนเอง ที่ต้องเห็นคุณค่าและรักษาป่าไม้ในประเทศไทยไว้ ให้คงอยู่และยั่งยืนสืบไป