"ครม." อนุมัติตั้งบอร์ดคดีพิเศษใหม่ 9 คน ตั้ง 2 นักกฎหมายใหญ่ "ชาติพงษ์" อดีต รอง อสส. "นรินท์พงศ์" นายกสมาคมทนายความ" นั่ง กคพ.ด้านกฎหมาย
เมื่อวันที่ 21 พ.ย.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 19 พ.ย.ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคดีพิเศษ (ก.ค.พ.) จำนวน 9 คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสองปี ดังนี้ 1.นายเพ็ชร ชินบุตร (ด้านเศรษฐศาสตร์) 2.นายณปกรณ์ ธนสุวรรณเกษม (ด้านการเงินการธนาคาร) 3.นางดวงตา ตันโช (ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ) 4.นายชาติพงษ์ จีระพันธุ (ด้านกฎหมาย) 5.นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ (ด้านกฎหมาย) 6.นางทัชมัย ฤกษะสุต (ด้านกฎหมาย) 7.พลตำรวจเอก สุทิน ทรัพย์พ่วง (ด้านการสอบสวนคดีอาญา) 8.พลตำรวจโท สำราญ นวลมา (ด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน) และ9.พลตำรวจเอก มนู เมฆหมอก (ด้านการปราบปรามผู้มีอิทธิพล)
โดยในส่วนประธานคณะกรรมการคดีพิเศษโดยหลักการจะเป็นนายกรัฐมนตรีเเต่ที่ผ่านมาก็จะมีรองนายกรัฐมนตรีที่ดูเเลด้านความมั่นคงมานั่งเป็นประธานตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายซึ่งปัจจุบันเป็น นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี เเละจะมีคณะกรรมการคดีพิเศษโดยตำเเหน่งที่มาจากหน่วยงานต่างๆอาทิ เช่น อัยการสูงสุด, สำนักงานตำรวจเเห่งชาติ, ดีเอสไอ สภาทนายความฯ เเละกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคดีพิเศษ ที่เชี่ยวชาญด้านต่างๆ โดยบทบาทสำคัญของกรรมการคดีพิเศษคือการรับเรื่องดำเนินการเป็นคดีพิเศษ ซึ่งปกติเเล้วการรับคดีเป็นคดีพิเศษจะมี2ประเภท คือเข้าเกณฑ์ที่ต้องรับโดยอัตโนมัติ อาทิ เช่นคดีมีผู้เสียหาย 100 คน ความเสียหายเกิน 300 ล้าน เเละเงื่อนไขตามกฎหมายอื่นๆ เเต่ในส่วนคดีอาญาทั่วไปที่ทางดีเอสไอไปสืบสวนเรื่องเเละเห็นควรเสนอให้รับึดีไว้เป็นคดีพิเศษก็จะเสนอคณะกรรมการคดีพิเศษมีมติเห็นควร 2 ใน3 จึงจะรับไว้เป็นคดีพิเศษ โดยมีอำนาจรับคดีไว้ได้เเม้กระทั่งบางคดีที่อยู่ในอำนาจของตำรวจเเล้ว
สำหรับกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคดีพิเศษ ในชุดนี้มีบุคคลที่น่าสนใจในสายกฎหมาย คือ นายชาติพงษ์ จีระพันธุ์ ที่ล่าสุด ได้รับเเต่งตั้งจากคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เกี่ยวกับธุรกิจออนไลน์ในคดีดิไอคอน ทั้งยังเคยเป็นคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายกรณีการเข้าค้นบ้านพักของข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ (พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร.) และเคหะสถานอื่นหลายแห่งทั่วประเทศ ซึ่งที้ผ่านมาหากมีคดีที่เกี่ยวพันถึงข้าราชการระดับสูง หรือคดีอิทธิพลต่างๆ จะมีการดึงนายชาติพงษ์ เข้ามาเป็นกรรมการ เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญเเม่นยำในข้อกฎหมาย เเละเคยเป็นอดีตรองอัยการสูงสุด (รอง อสส.) ซึ่งในสมัยเป็นอัยการ มีฝีมือเรื่องปราบการทุจริตคอร์รัปชัน และประสบการณ์มากมาย เคยเป็นรองอธิบดีอัยการคดีพิเศษ และอธิบดีอัยการสำนักงานคดีเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ยังเป็นหัวหน้าคณะทำงานที่คุมคดีสำคัญของสำนักงานคดีพิเศษหลายคดี , คดีนิติบุคคล ฟิลิป มอร์ริส นำเข้าบุหรี่โดยหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร ซึ่งขณะนั้นมีกรณีพิพาทระหว่างประเทศไทยกับประเทศฟิลิปปินส์ ในเรื่องนี้ที่องค์การการค้าโลก หรือ ดับเบิลยูทีโอ , คดีทุจริต สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ซึ่งเกี่ยวพันถึงคดีทุจริตฟอกเงินเครือข่ายวัดธรรมกาย , คดีธนาคารกรุงไทย ปล่อยกู้กลุ่มบริษัทกฤษดามหานคร , คดีทุจริตการฟอกเงินในโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน , เคยเป็นกรรมการสอบวินัยร้ายแรง นายเนตร นาคสุข อดีตรองอัยการสูงสุด กรณีสั่งไม่ฟ้องบอส ลูกนักธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลังชื่อดัง ขับรถชนเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิต
ในสายกฎหมายยังมีบุคคลที่น่าสนใจคือ นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย 6 สมัยติดต่อกัน ซึ่งที่ผ่านมามีบทบาทในการนำสมาคมทนายความช่วยเหลือประชาชน ทุกระดับ เเละทำคดีอาญาที่มีลักษณะเกี่ยวเนื่องกับความขัดแย้งทางการเมืองมาอย่างโชกโชน เเละคดีของนักการเมืองดังมีชื่อเสียง เเละที่ผ่านมามีการให้ความเห็นทางการเมืองเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพเเละข้อกฎหมายตามรัฐธรรมนูญ รวมถึงเป็นทีมกฎหมายทำคดีที่มีมูลค่าสูงที่เกี่ยวกับรัฐ หรือบริษัทนายทุนยักษ์ใหญ่ ถือเป็นทนายความระดับบรมครูที่ได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐและเอกชน
อำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ของคณะกรรมการคดีพิเศษตามกฎหมายเป็นไปตามมาตรา 10 แห่ง พรบ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 ดังนี้ 1.เสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีในการออกกฎกระทรวงกำหนดคดีพิเศษ ตามมาตรา 21วรรรคหนึ่ง (1) 2.กำหนดรายละเอียดของลักษณะของการกระทำความผิดตามมาตรา 21วรรคหนึ่ง (1) 3.มีมติเกี่ยวกับคดีความผิดทางอาญาอื่นตามมาตรา 21วรรคหนึ่ง (2) 4.กำหนดข้อบังคับหรือหลักเกณฑ์ตามที่มีบทบัญญัติกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการคดีพิเศษ 5.ติดตามและประเมินผลการปฏิบัติตาม พรบ.นี้ 6.ให้ความเห็นชอบหลักสูตรสอบสวนคดีพิเศษ
7.ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามพระราชบัญญัตินี้ หรือตามที่มีกฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการคดีพิเศษ ซึ่งประกอบด้วย (1) การมีมติตามมาตรา 21วรรคท้าย เพื่อชี้ขาดกรณีที่มีข้อโต้แย้งหรือมีข้อสงสัยว่า การกระทำความผิดใดเป็นคดีพิเศษตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (1) หรือไม่ (2) การให้ความเห็นชอบคดีพิเศษคดีหนึ่งคดีใดหรือคดีประเภทใดต้องมีพนักงานอัยการหรืออัยการทหารมาสอบสวนร่วมกับพนักงานสอบสวนคดีพิเศษหรือมาปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับพนักงานสอบสวนคดีพิเศษตามมาตรา 32 (3) การมีมติให้คดีพิเศษที่เกิดขึ้นก่อนพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 ประกาศใช้และคดียังไม่ถึงที่สุดมาเป็นอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษตามมาตรา 44 ในการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวข้างต้น คณะกรรมการคดีพิเศษดำเนินการโดยผ่านกระบวนการประชุม ขึ้นตามมาตรา 11 แห่ง พรบ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 กำหนดให้นำบทบัญญัติว่าด้วย
คณะกรรมการที่มีอำนาจดำเนินการพิจารณาทางปกครองตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองมาใช้กับการประชุมของคณะกรรมการคดีพิเศษโดยอนุโลม และตามมาตรา 12ได้ให้อำนาจคณะกรรมการคดีพิเศษแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาหรือปฏิบัติงานอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่คณะกรรมการคดีพิเศษกำหนด โดยกำหนดให้นำบทบัญญัติว่าด้วยคณะกรรมกรรมการที่มีอำนาจดำเนินการพิจารณาทางปกครองตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองมาใช้บังคับโดยอนุโลมด้วย