วันที่ 21 พ.ย. 2567 นายรังสิมันต์  โรม ประธานกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า  วันนี้ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับข้อพิพาทเรื่องพื้นที่ไทย-กัมพูชา และบันทึก ความเข้าใจ MOU 44 โดยเน้นการฟังเป็นหลัก ซึ่งคณะกรรมาธิการให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เพราะเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันอย่างยาวนาน อีกทั้งเป็นผลประโยชน์ต่อประเทศชาติ มีหลายฝ่ายมองเรื่องนี้แตกต่างกันไป แต่การประชุมวันนี้ยังไม่นำไปสู่การตัดสินใจอะไร เน้นไปที่ข้อมูลเป็นหลัก 

นายรังสิมันต์ ยืนยันว่า เรื่องนี้กรรมาธิการได้ศึกษารายละเอียด ทั้งบันทึกข้อตกลง และรับฟังความเห็นของนักวิชาการ ซึ่งตนเข้าใจในข้อกังวลของฝ่ายต่างๆ ที่มองว่าข้อตกลงนี้อาจทำให้ไทยเสียประโยชน์ แต่ก็ต้องยอมรับความจริงว่ามีข้อโต้แย้งว่า ไม่เป็นเช่นนั้น ดังนั้น จึงใช้การประชุมวันนี้รับฟังข้อมูล และเห็นสอดคล้องกับทุกคนว่าถึงอย่างไรเกาะกูดก็เป็นของไทย แต่เรื่องนี้มีประเด็นที่ต้องพิจารณาต่อเกี่ยวกับผลประโยชน์ทับซ้อน ผลประโยชน์ด้านพลังงานว่าสุดท้ายแล้ว จะมีความชัดเจนในเรื่องนี้อย่างไร

ส่วนประชาชนเข้าชื่อเรียกร้องให้รัฐบาลมีการยกเลิก MOU 44 นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ยังตอบไม่ได้ว่าจะมีผลกระทบแง่บวก แง่ลบ อย่างไร เพราะวันนี้จุดยืนของกรรมาธิการ คือ การรับฟังข้อมูล แต่ข้อเสนอถึงขั้นยกเลิก MOU หรือไม่ต้องคุยกันในกรรมาธิการ ซึ่งจะต้องรับฟังและหาข้อมูลให้มากที่สุด โดยต้องไม่ใช้อารมณ์ความรู้สึก ทุกอย่างต้องอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลข้อเท็จจริงที่ไม่ได้มองเฉพาะเขตแดน แต่มองไปถึงการพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวที่จะนำไปสู่การจัดสรรผลประโยชน์ ของฝ่ายต่างๆ ด้วย ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่สามารถมองข้ามได้ 

ทั้งนี้ เมื่อได้ข้อมูลออกมาแล้ว เชื่อว่าจะได้ประโยชน์ในการทำหน้าที่ตรวจสอบต่อไป และอยู่ในวิสัยที่เพื่อน สส. สามารถตั้งกระทู้ถามในสภาได้ หรือนำไปหารือกับรัฐบาลได้ รวมถึงการเสนอยุติในประเด็นที่เกี่ยวข้อง และขอยืนยันว่าส่วนตัวมีจุดยืนในการรักษาผลประโยชน์ของประเทศ แต่ต้องยึดข้อมูลเป็นสำคัญ และเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่เรื้อรังมานาน โดยที่ฝ่ายต่างๆ มีจุดยืนแตกต่างกัน ซึ่งพวกตนในฐานะ สส. และกรรมาธิการก็มีมีความจำเป็นที่จะต้องตรวจสอบและรับฟัง ขอให้รออีกนิด เพื่อจะใช้กลไกของกรรมาธิการและสภาในการแสวงหาข้อมูลข้อเท็จจริง