วันที่ 20 พฤศจิกายน 67 นายปริเยศ อังกูรกิตติ โฆษกพรรคไทยสร้างไทย เปิดเผยถึงกรณีการเปิดเวทีปราศรัย หาเสียงเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ซึ่งอาจทำให้ พี่น้องประชาชนเกิดความสับสน เนื่องจากพบว่ามีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในนามพรรคไทยสร้างไทย ขึ้นเวทีช่วยในการหาเสียง นอกจากจะขัดต่อมติของพรรคไทยสร้างไทยแล้วยังอาจขัดต่อกฎหมายเลือกตั้งด้วย เมื่อทราบข้อเท็จจริง พรรคไทยสร้างไทย จึงได้ตรวจสอบจนไปพบว่าเฟซบุ๊ก ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ของนายศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ได้โพสต์ข้อความผ่านทางโซเชียลมีเดีย ถึงการลงพื้นที่ หาเสียงเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งปรากฏภาพถ่าย ของนายอดิศักดิ์ แก้วมุงคุณทรัพย์  สส. ของพรรคไทยสร้างไทย บนเวทีขณะช่วยหาเสียง

และต่อมาเฟซบุ๊กของพรรคเพื่อไทย ได้ประชาสัมพันธ์ เนื้อหาสาระสำคัญเดียวกัน ระบุถึง การเปิดเวทีปราศรัยเลือกตั้งนายกอบจ.อุดรธานี แล้วได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความ รณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง โน้มน้าวให้ผู้สนับสนุนและพี่น้องประชาชนในจังหวัดอุดรธานี เลือกผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย พร้อมกับรูปสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ของพรรคไทยสร้างไทย ซึ่งทำหน้าที่ สส.เขต 6 ของจังหวัดอุดรธานีอีกครั้ง โดยมีข้อความลายน้ำ ซึ่งระบุถึง ผู้ผลิต ที่อยู่ และวันที่ผลิต สื่อเพื่อใช้ในการรณรงค์หาเสียง อีกทั้งยังมีโลโก้ของพรรคเพื่อไทยอย่างชัดเจน

พรรคไทยสร้างไทย ขอชี้แจงว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมดังกล่าว และไม่เคยมอบหมายสั่งการ ให้นายอดิศักดิ์ แก้วมุงคุณทรัพย์ ไปกระทำการช่วยเหลือผู้สมัครรับเลือกตั้งจากพรรคเพื่อไทย หรือพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง เพราะถือเป็นการกระทำที่ผิดมารยาททางการเมือง ขณะที่พรรคไทยสร้างไทยยังคง ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะพรรคฝ่ายค้าน และเชื่อได้ว่าอาจเป็นการกระทำที่ขัดจริยธรรมและหลักการของพรรค ดังนั้นคณะกรรมการวินัยและจริยธรรมพรรคไทยสร้างไทย จะดำเนินการเรียกนายอดิศักดิ์ ให้เข้ามาชี้แจงต่อไป

ส่วนกรณีที่ คณะกรรมการวินัยและจริยธรรมพรรคไทยสร้างไทย ดำเนินการตรวจสอบ นางสุภาพร สลับศรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดยโสธร ของพรรคไทยสร้างไทย คณะกรรมการบริหารพรรค เตรียมนำส่งหนังสือร้องเรียนต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ไต่สวนและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อนางสุภาพร อย่างถึงที่สุด

จากการจงใจปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทุจริตต่อหน้าที่ซึ่งเชื่อได้ว่า อาจได้รับผลประโยชน์จากพรรคการเมืองอื่นหรือหัวหน้าพรรคการเมืองอื่น อันเป็นเจตนาทำลายระบอบประชาธิปไตย ภายใต้รัฐธรรมนูญอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเพื่อเป็นการคงไว้ซึ่งความเป็นประชาธิปไตย และเพื่อเป็นแบบอย่างในการสร้างบรรทัดฐาน ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร