วันที่ 20 พฤศจิกายน 2567 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง ร่วมพูดคุยกับ สรยุทธ สุทัศนะจินดา ในรายการ กรรมกรข่าว คุยนอกจอ โดยตอนหนึ่งนายพิธา ได้ตอบคำถามกรณีการปราศรัยบนเวทีปราศรัยของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่พูดขอให้พี่น้องคนอุดรฯที่เคยเป็นสีแดง แล้วมีสีอื่นมาตกใส่ วันนี้ขอให้กลับมา ว่า เรามีความตั้งใจตั้งแต่เป็นพรรคอนาคตใหม่แล้วว่าอยากให้การเมืองแบบแบ่งขั้วหายไป เราเข้าใจว่าพี่น้องเสื้อเหลืองต้องการปฏิรูประบบราชการ ต่อต้านคอร์รัปชั่น และเราก็เข้าใจว่า พี่น้องคนเสื้อแดงไม่ต้องการรัฐประหาร ไม่ต้องการสองมาตรฐาน ดังนั้นถ้าเราเป็นพรรคการเมืองที่ต้องการต่อสู้กับคอร์รัปชั่น ไม่โกง ใช้เงินเลือกตั้งน้อย จะได้ไม่ต้องมาถอนทุนทีหลัง และในขณะเดียวกันก็ต่อสู้กับรัฐประหารไปในตัว เพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องที่ตั้งใจ จึงเป็นพรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกล และมาสู่พรรคประชาชน เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ถ้าเราคิดแต่ฝั่งเราอย่างเดียว เราจะไม่สามารถชนะการเลือกตั้งปี 2566 ได้เลย
นายสรยุทธ ถามว่า ไม่น่าเชื่อว่า ในช่วงระยะเวลาไม่นานเพียงปีกว่า จากพรรคการเมืองที่เป็นฝ่ายค้านเหมือนกัน ต้องมาแยกกัน นายพิธา กล่าวว่า ตนคิดว่าตอนนี้ผู้มีอำนาจอาจจะหัวเราะเยาะพวกเราอยู่ จากที่เคยเป็นฝ่ายค้าน ทำงานด้วยกันมา ต่อสู้รัฐประหารด้วยกันมา มาเห็นเราทะเลาะกัน ฟาดกันไปมาแบบนี้ ขณะที่เขามองลงมาจากข้างนอก ซึ่งเขาคงสะใจที่สามารถทำแบบนั้นได้ บางทีตนก็คิดว่าคนที่เลือกพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอดแบบตน แต่ความสัมพันธ์ของสองพรรค มันห่างเหินกันได้ขนาดนี้ ตอนที่เป็นพรรคฝ่ายค้านในสมัยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เราอาจจะเห็นต่างกันบ้าง แต่ก็ไม่ได้ไกลกันขนาดนี้
นอกจากนี้นายสรยุทธ ยังได้ถามถึงเบื้องหลังการจัดตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้งปี 2566 ระะหว่างพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทย ที่ไม่สำเร็จ โดยนายพิธา ระบุว่า ตนไม่อยากเอาเรื่องในห้องประชุมออกมาพูด ซี่งในตอนนั้น จำได้ว่า นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภา เคยบอกว่าให้ 3 ครั้งเป็นอย่างต่ำ ในการรวมคะแนนเสียง ตนรู้ว่าตอนโหวตนายกฯครั้งแรก ถ้าไม่ได้ แผน 2 แผน 3 เราเตรียมไว้หมดแล้ว
"สิ่งที่เป็น อุบัติเหตุทางการเมือง จริงๆ ตามที่คุณทักษิณ พูดคือจำนวนการเลือกนายกฯ ของผมเหลืออยู่ครั้งเดียว เพราะครั้งที่ 2 ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเรื่องไอทีวี ซึ่งผมก็ชนะ แต่ครั้งที่ 1 ผมบอกว่ายอมรับ แต่ไม่ยอมแพ้ เพราะมีแผน 2 และ 3 ที่จะเดินเกมต่อ"
นายพิธา กล่าวว่า เลือกนายกฯครั้งแรก ที่ได้ไม่ถึงเพราะ สว.ไม่มาโหวต จนำวน 45 คน ซึ่งจำนวน 45 คนนี้สามารถเช็คดูได้ และเป็นคนที่เคยสัญญาออกทีวีด้วยว่าจะเลือกผม แต่ในวันโหวต หายไป45เสียง ในตอนนั้นคนที่ไปคุยคือ คุณชัยธวัช ตุลาธน เป็นคนเดินเกม เป็นคนไปคุย ตนจึงมีความรู้สึกได้ว่ายังมีเวลาเปลี่ยนใจในครั้งที่ 2 และ 3 หรือมากไปกว่านั้น ซึ่งเขาไมได้กำหนดว่าจะเลือก นายกฯกี่ครั้ง
“ครั้งที่ 2 ก็ไม่ได้เป็นความผิดเพื่อไทย เพราะศาลรัฐธรรนูญส่งหมายให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ทำให้เลือกนายกฯได้แค่ครั้งเดียว ไม่ทันเกิดครั้งที่ 2 นี่เป็นอุบัติเหตุ ที่ไม่สามารถเดินตามแผนงานของเราต่อได้ หรือพลิกสถานการณ์ได้ เพราะถูกตัดจบแล้ว ถ้าเป็นครั้งแรกที่ไม่เกี่ยวข้องกับศาลรัฐธรรมนูญคงไปกันต่อเรื่อยๆ” นายพิธา กล่าว