วันที่ 20 พ.ย.2567 ที่รัฐสภา นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ยังไม่ถอนใบอนุญาต ดิไอคอน โดยรอถามคณะกรรมการกฤษฎีกาก่อน ว่า สคบ. บอกว่ามีปัญหาหลายเรื่องของการวินิจฉัยเรื่องประเด็นข้อกฎหมายว่าอะไรผิดอะไรไม่ผิด ซึ่งสคบ. ก็ควรจะเป็นหน่วยงานต้นน้ำในเรื่องของการตรวจสอบว่ากรณีไหนเข้าข่ายผิดพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ขายตรง และการตลาดแบบตรง รวมทั้งการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกง โดยจะต้องชี้ตั้งแต่แรกว่าดิไอคอนเข้าไปขอทำการตลาดแบบตรง ซึ่งมีประเด็นให้ชี้หลายเรื่อง เนื่องจากภายหลังคนที่เป็นบอสบอกว่ารายชื่อคือรายได้ ซึ่งตรงนั้นอาจจะคลุมเครือ แต่ก็หมิ่นเหม่ในหลายประเด็น
ดังนั้น หากสคบ. ไม่มีความชัดเจนและไม่ขยันในการตรวจสอบ ก็จะทำให้ลุกลามบานปลายเพราะต้องเข้าใจว่าไม่ใช่ทุกคนจะเข้าใจกฎหมายแบบละเอียด โดยเฉพาะบรรดาศิลปินที่ไปรับงานพรีเซนเตอร์ ยากที่จะเข้าใจ และยิ่งหากผลิตภัณฑ์ได้รับการรับรองจากสคบ. แม้จะเป็นรางวัลบริจาค ก็ควรต้องตรวจสอบให้ละเอียดและต่อไปคงเป็นบทเรียนที่สำคัญของทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะรัฐภาครัฐ ว่าจะต้องตรวจสอบให้ชัดเจนว่าบางบริษัทที่อาจจะมีอะไรที่หวือหวา แล้วมาบริจาคเงินเยอะๆ เพื่อหวังรางวัล
“เช่น กรณีที่บริจาคครั้งละหลายล้าน ผู้บริหารโชว์หรู โชว์รวย ก็อาจจะเป็นข้อสังเกต และสคบ. ก็อาจจะต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ โดยควรเข้าไปตรวจสอบ ไม่ใช่แค่จัดการตามข้อกฎหมายแต่ควรให้คำแนะนำ เพราะส่วนตัวเชื่อว่าไม่มีใครอยากทำผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นบอสคนไหนซึ่งพูดตรงๆ ผมก็รู้สึกเห็นใจเพราะวันนี้ต้องอยู่ในเรือนจำ ดังนั้น หากมีกระบวนการต้นน้ำที่ช่วยกันกำกับดูแล ซึ่งไม่ควรเน้นปราบปรามอย่างเดียวแต่ควรป้องกัน และคลี่คลายปัญหา โดยควรเข้ามาช่วยเหลือเยียวยาในคดีนี้ โดยอาจจะนำสินค้าที่มีอยู่หาช่องทางจำหน่ายให้ถูกต้อง ดีกว่าปล่อยให้ล้มทั้งยืนเช่นนี้ซึ่งถือว่าเป็นอันตราย” นายแทนคุณ กล่าว
นายแทนคุณ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่มีการหยิบยกสคบ. มาอ้างเพื่อหาประโยชน์ และมีการตบทรัพย์ ซึ่งหน่วยงานภาครัฐที่ทำหน้าที่ตรวจสอบ มีปัญหาอยู่ 2 เรื่องคือการวิ่งเต้นเส้นสายกับการที่วิ่งเต้นให้สินบน และเอื้อประโยชน์ ซึ่งอาจจะเกี่ยวโยงกับการเมืองด้วยหรือไม่นั้น แต่เรื่องของเงินมากมายมหาศาล การตรวจสอบเส้นทางการเงินคงไม่ยาก แต่ถ้าโยง 2 เรื่องคือเรื่องอำนาจคนและเรื่องเงิน ถือเป็นประเด็นใหญ่ที่สังคมต้องใช้กรณีของ ดิไอคอน เป็นไอดอลของการแก้ปัญหาการทุจริตเชิงระบบ โดยเฉพาะปัญหาที่เกิดจากเอกชนและโยงไปถึงภาครัฐ ซึ่งหน่วยงานภาครัฐโดยเฉพาะสคบ. ไม่ควรจะหลบอยู่ในเงามืด แต่ควรจะแสดงออกมาเพื่อจะคลี่คลายปัญหานี้ เพราะที่ผ่านมาผู้เสียหายเชื่อถือเพราะคิดว่าดิไอคอนถูกต้องเพราะได้รับรางวัลจากสคบ.
"ดังนั้น สคบ. จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ เพราะถือว่ากลายเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาด้วยหรือไม่ ฉะนั้น คนที่เกี่ยวข้องกับสคบ. และสำนักนายกรัฐมนตรีไม่ควรอยู่เฉย ควรต้องกำกับดูแล ให้ข้าราชการในสังกัด ได้ทำหน้าที่อย่างจริงจัง เพราะหากพูดอย่างตรงไปตรงมาสคบ. ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ดิไอคอนลุกลามบานปลายจนถึงทุกวันนี้ ขณะเดียวกันฝากไปถึงบริษัทขายตรงต่างๆ ว่าต้องหาความรู้ให้มากขึ้น หลายทางมากขึ้น เพราะกรณีที่เกิดขึ้นอาจจะสะท้อนว่าบางที การพึ่งหน่วยงานภาครัฐอย่างเดียวจะไม่พอหรือไม่ ซึ่งไม่ควรจะเป็นเช่นนี้" นายแทนคุณ กล่าว