วันที่ 20 พ.ย.67 รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Jessada Denduangboripant ระบุว่า...

พิสูจน์ไม่ยากครับ เอาถุงดำครอบหัว หรือใส่แว่นตาว่ายน้ำที่ทาสีดำ "ตาทิพย์" ที่ว่า ก็มองไม่เห็นแล้วครับ หึๆๆ

(ข่าว) ลูกศิษย์เชื่อฝึกหูตาทิพย์มีจริง ขึ้นอยู่กับการฝึก วอนคนเห็นต่างเปิดใจ จากที่เคยสัมผัสไม่ได้เหมือนในข่าว

จากกรณีปรากฏภาพที่พักสงฆ์แห่งหนึ่ง มีการสอนวิชาตาทิพย์-หูทิพย์ให้กับชาวบ้าน และเด็กๆ อีกทั้งยังมีการนำศพมาตั้ง อ้างว่าเป็นการฝึกจิตฝึกสมาธิ เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบ พบมีศพจริง แต่เหลือแต่โครงกระดูก จึงได้แนะนำให้ทำให้ถูกต้องตามระเบียบกฎหมาย และขอไม่ให้สอนเด็กๆ เพราะไม่เหมาะไม่ควร แต่สามารถสอนกับพระ-ชีได้ โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองในพื้นที่จะติดตามดูความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด หากพบว่ามีความผิดก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายและสั่งปิดนั้น

ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับ หญิง อายุ 37 ปี ชาว ต.ท่ามะเขือ อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร ซึ่งได้เปิดเผยว่า จากที่ตนและครอบครัวไปสัมผัส มันไม่ได้เป็นตามข่าว ทางสำนักสงฆ์จะเน้นในเรื่องของการปฏิบัติธรรม โดยส่วนหนึ่งจะเป็นการนั่งกับศพจริง หากใครไม่อยากนั่งก็สามารถปฏิเสธได้ ซึ่งการนั่งก็กับศพจะทำให้จิตของเราสงบมากขึ้น ให้จิตเราอยู่กับคำภาวนา เมื่อไหร่ที่จิตเราอยู่กับคำภาวนา ความกลัวเราก็จะน้อยลง

ส่วนในข่าวที่มีการสอนหูทิพย์-ตาทิพย์ ตนก็ส่งลูกสาวไปเรียนเหมือนกัน ตอนนั้นลูกสาวอายุเพียง 6 ขวบ ตนเชื่อว่ามีจริง แต่ก็ไม่ใช่เด็กทุกคนที่จะเรียนได้และจะเห็นได้ โดยวันแรกที่ลูกสาวตนไปเรียนก็ปิดตา แต่สิ่งที่เห็นคือความมืด ว่างเปล่า เห็นเป็นสีดำหมด แต่เมื่อใดที่จิตของลูกสาวนิ่งสงบ เวลาที่พระอาจารย์หรือแม่ชีนำกระดาษสีมาทาบที่หน้าผาก จากภาพสีดำก็จะเห็นแต้มสีขึ้นมาจริงๆ เป็นสีตามที่ทาบลงไป

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกครั้งที่มีการนำกระดาษสีไปทาบที่หน้าผากขณะปิดตา แล้วลูกตนจะเห็นทุกสีและตอบถูกหมดทุกใบ ต้องผ่านการฝึกฝน ซึ่งสิ่งเหล่านี้หากจิตนิ่งก็จะผุดขึ้นมาให้เห็นเอง โดยที่ลูกของตนไม่รู้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ตนคิดว่าน่าจะแล้วแต่บุคคลและความเชื่อ