ทวี สั่ง ดีเอสไอ ตั้ง คนนอก รื้อสอบ เจ๊พัช อ้างจ่ายสินบน 10 ล้าน ให้จนท.หวังสาวให้ถึง ผู้บงการ ด้าน เจ๊พัช อ่วม! โดนอีก 3 คดี ส่วน ฟิล์ม รอความชัดเจน แย้มอาจเข้าข่ายพยายามกรรโชกทรัพย์ เหตุมีมูล ส่วน ทนายบอสพอล รับมอบอำนาจ ลุยดำเนินคดี เจ๊พัช-ฟิล์ม
ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 19 พ.ย.67 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ หรือ เจ๊พัช ผู้ต้องหาคดีกรรโชกทรัพย์ และเป็นตัวกลางเรียกรับสินบน อ้างว่าเคยให้สินบนเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิ เศษ(ดีเอสไอ)จำนวน 10 ล้านบาท ว่า ได้สั่งให้อธิบดีดีเอสไอตรวจสอบข้อเท็จจริง และให้ตั้งคนกลางเข้ามาสอบสวน โดยมีคนนอกร่วมด้วย เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้กำชับอะไรเป็นพิเศษในเรื่องนี้หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า สิ่งที่เป็นห่วงคือ การฝากขังมีระยะเวลาไม่มาก ตนอยากให้อัยการมีระยะเวลาพิจารณาสำนวน ดังนั้น ควรจะส่งสำนวนให้อัยการอย่างน้อยก่อน 15 วัน นอกจาก นี้ขอให้อัยการเข้ามาเป็นที่ปรึกษาในการร่วมสอบสวน จะได้เห็นพยานหลักฐาน ประการสำคัญก็คือ อยากจะดูผู้บงการที่อยู่ข้างหลังว่าเป็นใคร เมื่อถามว่า เรื่องนี้อยู่ในสังคมไทยมานาน เป็นไปได้หรือไม่ว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐรู้เห็นด้วย พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เราต้องให้เกียรติเจ้าหน้าที่ที่ด้วย แม้ว่าเขาอยู่ในสถานะเป็นผู้ถูกกล่าวหาก็ตาม แต่คำพูดของเขาไม่ใช่ว่าเชื่อไม่ได้ทั้งหมด มันต้องมีพยานรองรับ
ด้าน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) กล่าวถึงความคืบหน้าคดีคลิปเสียงตบทรัพย์ผู้ต้องหาเครือข่ายดิไอคอน ว่า ได้รับการประสานมาจาก นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของ นายวรัตน์พล หรือ บอสพอล และ บริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป ว่า วันนี้จะไปพบ น.ส.ปัญจรัศม์ หรือ บอสปัน เพื่อขอให้เซ็นมอบอำนาจก่อนเดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีในวันนี้
เมื่อถามว่าหลังทนายเข้าแจ้งความแล้วจะดำเนินการทันทีเลยหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า เบื้องต้นได้ประชุมคณะทำงานไปแล้ว พบว่า คดีที่เหลือของ น.ส.กฤษองค์ มีทั้งหมด 3 คดี เรื่องแรก คือ ปมคลิปเสียงเงิน 20 ล้าน เรื่องที่ 2 คือ คดีหมิ่นประมาท ที่มีคลิปเสียงพาดพิงถึง น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีน้ำ และ 3.เรื่องคลิปเสียงหมิ่นประมาทหนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย พิธีกรรายการโหนกระแส ซึ่งขณะนี้กำลังรวบรวมพยานหลักฐานพยายามให้แล้วเสร็จภายใน 10 วัน โดยตำรวจจะเร่งเข้าไปสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องในเรือนจำด้วย
ส่วน ฟิล์ม-รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องคลิปเสียงตบทรัพย์ 20 ล้าน อยู่ที่ข้อกฎหมาย และพยานหลักฐานที่ต้องตรวจสอบให้ชัดเจนว่าเป็นคลิปเสียงของเจ้าตัวจริงหรือไม่ แต่จากพยานหลักฐานที่รวบรวมมาก็เชื่อว่ามีมูล ส่วนเรื่องข้อหาจากการพิจารณาเนื้อหาคลิปเสียงแล้วอาจเข้าข่ายข้อหา พยายามกรรโชกทรัพย์ หากมีความชัดเจนในส่วนของการแจ้งข้อกล่าวหาเช่นเดียวกับ น.ส.กฤษอนงค์ หากแจ้งข้อหาได้ก็จะเป็นการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม เพราะขณะนี้เจ้าตัวถูกฝากขังไม่ได้รับการประกันตัว
สำหรับเรื่อง นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ หรือเอก สายไหมต้องรอด ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ที่พบว่ามีการพาพยานเท็จมาให้ปากคำตำรวจ พล.ต.ต. จรูญเกียรติ กล่าวว่า เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนได้ประสานเรียกเอก สายไหม เข้ามาให้ข้อมูลในวันนี้แล้ว โดยมีพนักงานสอบ บก.ปปป. เป็นผู้สอบปากคำ แต่เอก สายไหม จะมาหรือไม่นั้นก็เป็นสิทธิ์ของผู้ที่ถูกกล่าวหา ทางตำรวจต้องการเพียงแค่อยากฟังคำชี้แจงเท่านั้น เมื่อถามว่า หากไม่เข้ามาพบตำรวจวันนี้ จะมีการออกหมายเรียกหรือหมายจับหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของพนักงานสอบสวนชุดทำคดี
ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความ ของ นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล เปิดเผยว่า วันนี้ทีมทนายได้นำหนังสือเข้าไปให้กับบอสพอลเซ็นมอบอำนาจในการดำเนินคดีกับ นางสาวกฤษอนงค์ และ ฟิล์ม รัฐภูมิ หลังปรากฏคลิปเสียงรับเงิน 20 ล้านบาท ซึ่งทางดิไอคอน ตัวบอสพอล หรือตัวบอสปัน ได้รับความเสียหาย ถึงแม้ว่าความผิดยังไม่สำเร็จ แต่มีความพยายามในการกรรโชกทรัพย์ ซึ่งเรื่องดังกล่าวต้องมีการหารือกับพนักงานสอบสวน ว่าจะเข้าข่ายความผิดฐาน พยายามกรรโชกทรัพย์ หรือ พยายามฉ้อโกง / แต่ส่วนตัวมองว่าเข้าข้อหาพยายามฉ้อโกงมากกว่า กรรโชกทรัพย์ เพราะมีเนื้อหาที่มีการพยายามข่มขู่จ่ายเงิน โดยอ้างอิงจากไฟล์เสียง 29 นาที ซึ่งพฤติกรรมในคลิปมีการพยายามช่วยและจะให้โอนเงินเพื่อไปออกรายการโหนกระแส แต่ในส่วนนี้ตำรวจมองว่าน่าจะเป็นพยายามกรรโชกทรัพย์
กรณีเจ๊พัช ถูกส่งตัวเข้าเรือนจำทั้ง 18 บอสทราบข่าวแล้วโดยไม่มีท่าทีอะไร เพียงแต่ว่ารับทราบข้อมูลแล้ว แต่เชื่อว่าทางกรมราชทัณฑ์ก็จะดำเนินการแยกเจ๊พัชไปอยู่คนละแดนกับบอสต่างๆ แต่เวลาทำกิจกรรมร่วมกัน เช่น อาบน้ำ กินข้าว ก็อาจจะต้องเจอกัน แต่เหล่าบอสไม่ได้อยากเจอ ซึ่งสาเหตุที่ 18 บอสถูกดำเนินคดี คาดว่า เจ้พัช เป็นต้นเหตุทำให้ดิไอคอนแตก
ด้าน นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ รรท.ผอ.ทัณฑสถานหญิงกลาง ในฐานะรองโฆษกกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงกรณี น.ส.กฤษอนงค์ เข้ามาอยู่ในทัณฑสถานหญิงกลางในคืนแรก ว่า เบื้องต้น นำตัวแยกกักโรค 5 วันตามมาตรการป้องกันโควิด-19 ส่วนอาหารมื้อเย็นเป็นแกงเลียงผักรวม ปลาย่าง และไข่ต้ม สำหรับการนอนเรือนจำคืนแรกได้รับรายงานว่าไม่มีอาการเครียดมากนัก สามารถพูดคุยกับเพื่อนผู้ต้องขังในห้องกักโรคตามปกติ ไม่ได้เก็บตัวเงียบ ปฏิบัติตามคำแนะนำของเรือนจำ อีกทั้ง มื้อเช้าวันนี้ (19 พ.ย.) ผู้ต้องขังตื่นมาทำกิจกรรมของเรือนจำตามปกติ อาหารเช้า คือ แกงจืดวุ้นเส้นหมูสับและข้าวสวย รับประทานได้ปกติ อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องขังจะอยู่ในห้องกักโรค 5 วัน ในระหว่างนี้จะไม่เจอ "บอสปัน" อย่างแน่นอน หลังจากนั้นจะได้มีการแยกเรือนนอนและการทำกิจกรรม โดยจะมีเจ้าหน้าที่และผู้ช่วยเหลือคอยสอดส่องดูแลพฤติกรรมอย่างใกล้ชิด