"จิราพร" แจงถอนใบอนุญาต "ดิไอคอน กรุ๊ป" ต้องรัดกุม รอ "กฤษฎีกา" พิจารณาก่อน ยอมรับป้องกัน "ทนายบอสพอล" ฟ้องกลับ ม.157 พร้อมระบุ ยืดเวลาสอบ "เทวดา สคบ." ต่ออีก30 วัน
         
        
 ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 19 พ.ย.67 น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแล สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการถอนใบอนุญาต บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด ว่า หลังมีเรื่องร้องเรียนเข้ามาสำนักงานตำรวจแห่งชาติและสคบ.ไม่ได้นิ่งนอนใจหาข้อมูลประกอบการพิจารณาว่าสมควรถูกเพิกถอนใบอนุญาตหรือไม่ และปรากฏว่า บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป ได้มีการจดทะเบียนบริษัทแบบตรงกับสคบ.แต่ไม่ได้จดทะเบียนขายตรง แต่ที่ทุกคนทราบ การจะเพิกถอนใบอนุญาตจะต้องทำด้วยความรัดกุม รวมถึงต้องดูข้อกฎหมาย รวมถึงต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
        
 ที่ผ่านมาได้มีการพิจารณาไปยังคณะอนุกรรมการด้านกฎหมายของสคบ. และทางอนุกรรมการ ได้มีมติ เมื่อวันที่ 25 ต.ค. ให้มีการหารือไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อจะให้เกิดความรัดกุมในการพิจารณาเพิกถอน และตนได้สั่งการไปยังสคบ. เข้าไปทำงานร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งเป็นรอยต่อระหว่างการโอนต่อคดี จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปยัง DSI และให้สคบ.ทำงานร่วมกับ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค. ) ในการเป็นพยานและให้ข้อมูลการแชร์ลูกโซ่ จนเป็นที่มาในการตั้งข้อหาเพิ่มเติม โดย DSI ได้มีการแจ้งข้อหา ไปเมื่อวันที่ 11 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเป็นการทำงานร่วมกัน
        
 น.ส.จิราพร กล่าวต่อว่า เมื่อมีการแจ้งเข้าหาเพิ่มเติมทางสคบ.ได้ทำการประสานส่งข้อมูลเพิ่มเติมไปยังกฤษฎีว่ามีข้อหาเรื่องแชร์ลูกโซ่ ซึ่ง ทางคณะกรรมการกฤษฎีกาจะมีการหารือเพิ่มเติมในวันพรุ่งนี้ (20 พ.ย.67) อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า ได้ส่งความเห็นของสคบ.ไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว แต่ไม่ขอเปิดเผยในรายละเอียด เนื่องจากต้องการให้เกียรติกฤษฎีกาในการพิจารณาเรื่องนี้
        
 น.ส.จิราพร ยังระบุด้วยว่า ที่หลายคนมีความกังวล ถึงการดำเนินการที่ล่าช้าตนได้สั่งการให้ดำเนินการอย่างรวดเร็ว แต่ต้องดูถึงตัวบทกฎหมายด้วย เพราะต้องรัดกุม เพราะมีขั้นตอนอยู่ และตั้งแต่มีเรื่องมาภายใต้การกำกับดูแลของตน ไม่ได้มีอะไรล่าช้า เพราะหลังจากมี ผู้เสียหายเข้ามาร้องทุกข์ในวันที่ 10 ต.ค. และในวันที่ 11 ต.ค.ตนก็รีบเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาหารือ เพื่อวางแนวทาง ในการดำเนินการเรื่องบริษัทดิไอคอน กรุ๊ป และจำได้แม่น วันที่ 16 ต.ค.ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาฉ้อโกง และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เพื่อนำมาสู่การจับกุมบอส ดิ ไอคอน หลายราย ในส่วนสคบ.อะไรที่ตรวจสอบแล้วเห็นถึงความผิดปกติอย่างเรื่องโล่รางวัล ที่ใช้อย่างผิดวัตถุประสงค์ก็ยึดคืนทันที ซึ่งยืนยันว่าเราทำงานอย่างเต็มที่
      
   ผู้สื่อข่าวถามย้ำถึงเหตุผลที่ถามไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาเพราะกลัวทนายของบอสพอลฟ้องกลับในมาตรา 157 ใช่หรือไม่ น.ส.จิราพร ยอมรับว่าใช่ พร้อมกล่าวว่า ถึงแม้จะไม่มีใครขู่ฟ้อง แต่ขั้นตอนของกฎหมายก็มีอยู่ สคบ.ก็เป็นหน่วยงานของราชการทำอะไรไปก็พร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และรอบคอบรัดกุม
      
   น.ส.จิราพร ยังกล่าวถึงความคืบหน้าหลังตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเกี่ยวกับธุรกิจออนไลน์ ว่า คณะกรรมการชุดนี้ได้ตั้งขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม โดยมีระยะเวลาสอบสวน หาข้อเท็จจริงภายในระยะเวลา 30 วัน และได้อนุกรรมการขึ้นมาอีก2 คณะ ซึ่งคณะแรกตรวจสอบกรณีคลิปเสียง ส่วนอีกคณะจะดูเรื่องข้อจำกัดทางกฎหมาย และดูว่าการทำงานของสคบ.นั้นมีอะไรที่ต้องปรับปรุงแก้ไขหรือไม่ โดยปรากฏว่าทั้งสองคณะได้ทำงานอย่างเต็มที่ และได้กำหนดตัวบุคคล เพื่อที่จะเรียกเข้ามาสอบเป็นพยาน หลายคน ทำให้ต้องใช้ระยะเวลาพิจารณาเพิ่มเติม เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่รัดกุมที่สุด 
      
   ซึ่งคณะกรรมการได้เสนอเรื่องเข้ามาให้ขยายเวลาต่อไปอีก 30 วัน เพื่อใช้สืบสวนพยานบุคคล หลักฐานและเอกสารต่างๆ จึงได้นำเรื่องเสนอไปที่ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งอยู่ระหว่างรอ นายประเสริฐ ลงนามคำสั่ง พร้อมย้ำเรื่องนี้มีความจำเป็นที่ต้องขยายระยะเวลา เนื่องจากพอได้สืบสวนข้อเท็จจริงไประยะหนึ่ง ก็พบว่ามีข้อเท็จจริงเพิ่มเติมตลอดเวลา เพราะฉะนั้นอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อการแสวงหาข้อเท็จจริง และให้ความเป็นธรรมต่อทุกฝ่ายจึงมีความจำเป็นจะต้องขยายระยะเวลา 
        
 ส่วนกรณีคลิปเสียงนักร้องสาว ที่พาดพิงถึงตนเองและบิดา นางสาวจิราพร กล่าวว่าเรื่องนี้ได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกระบวนการยุติธรรม ก็ไม่มีอะไรที่ต้องกังวล