วันที่ 19 พ.ย.67 ที่บริเวณป่าทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือบ้านปอยเดิร หมู่ที่ 8 ห่างประมาณ 750 เมตร ตำบลสวาย อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ โดยเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2567 เวลา 15.15 น. คณะเจ้าหน้าที่ประกอบด้วย หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ สร.2 ชุดปฏิบัติการพิเศษป่าไม้สุรินทร์ กองกำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ และสถานีตำรวจภูธรสวาย ดังมีรายนามและตำแหน่ง ท้ายบันทึกฉบับนี้ โดยได้ร่วมกันจับกุม 1.นายสมพงษ์ อายุ 40 ปี อยู่หมู่ที่ 8 ตำบลสวาย อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ 2.นายธวัชชัย อายุ 21 ปี อยู่หมู่ที่ 1 ตำบลนาบัว อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ และตรวจยึดของกลาง ดังต่อไปนี้ ไม้เหียง จำนวน 19 ท่อน ปริมาตร 1.475 ลูกบาศก์เมตร คิดเป็นเงินค่าภาคหลวง 59.00 บาท คิดเป็นมูลค่าความเสียหายต่อรัฐประมาณ 14,750 บาท เลื่อยโซ่ยนต์ ยี่ห้อ KASAT สีน้ำเงิน หมายเลขเครื่องลบเลือน พร้อมแผ่นบังคับโซ่และโซ่ความยาว ขนาด 17 นิ้ว จำนวน 1 เครื่อง 3.รถยนต์กระบะสี่ล้อดัดแปลงเพื่อการเกษตร เครื่องยนต์ยี่ห้อ คูโบต้า สีน้ำเงิน หมายเลขเครื่อง จำนวน 1 คัน มีด จำนวน 1 เล่ม
โดยกล่าวหาว่า กระทำผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 11,69 ฐาน “ร่วมกันทำไม้หวงห้าม ร่วมกันมีไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูป โดยไม่มีรอยตราค่าภาคหลวงหรือรอยตรารัฐบาลขายไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จากพนักงานเจ้าหน้าที่” และตามพระราชบัญญัติเลื่อยโซ่ยนต์ พ.ศ.2545 มาตรา 4 ฐาน “มีและใช้เลื่อยโซ่ยนต์ โดยไม่ได้รับอนุญาต จากนายทะเบียน”
เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2567 เวลาประมาณ 14.00 น. คณะเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้ร่วมกันออกตรวจปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ ตามที่ได้รับแจ้งจากผู้ไม่ประสงค์ออกนามว่ามีการบุกรุกตัดไม้ทำลายป่า บริเวณป่าสาธารณประโยชน์ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือบ้านปอยเดิร หมู่ที่ 8 ตำบลสวาย อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ ครั้นเวลาประมาณ 15.15 น. ในระหว่างที่จับกุมนายนอ อยู่นั้น คณะเจ้าหน้าที่ได้ยินเสียงเลื่อยโซ่ยนต์ ทางทิศใต้ของที่เกิดเหตุ คณะเจ้าหน้าที่จึงได้กระจายกำลังเดินติดตามเสียงเลื่อยยนต์ดังกล่าว พบชายหนึ่งคนกำลังใช้เลื่อยโซ่ยนต์ ตัดท่อนไม้ และชายอีกหนึ่งคนอยู่บริเวณตอไม้ จึงได้แสดงตัวเพื่อขอตรวจสอบ ทราบชื่อจากการสอบถามว่าชื่อ นายสมพงษ์ อายุ 40 ปี นายธวัชชัย อายุ 21 ปี คณะฯ ได้ร่วมกันตรวจสอบที่เกิดเหตุโดยละเอียด พบต้นเหียงถูกตัดฟันล้มลงคาตอ ลักษณะใหม่สด มีน้ำยางไหลออกจากตอไม้ ใบไม้ยังเขียวสดอยู่ จำนวน 2 ต้น ถูกตัดทอนโดยใช้เลื่อยโซ่ยนต์ ได้เป็นไม้เหียง จำนวน 9 ท่อน ห่างจากตอไม้ประมาณ 5 เมตร พบรถยนต์กระบะสี่ล้อดัดแปลงเพื่อการเกษตร เครื่องยนต์ยี่ห้อ คูโบต้า สีน้ำเงิน หมายเลขเครื่อง จำนวน 1 คัน บนกระบะรถมีท่อนไม้เหียง ลักษณะใหม่สด วางเรียงอยู่บนกระบะ จำนวน 10 ท่อน พบเลื่อยโซ่ยนต์ สีน้ำเงิน หมายเลขเครื่องลบเลือน พร้อมแผ่นบังคับโซ่และโซ่ความยาว ขนาด 17 นิ้ว จำนวน 1 เครื่อง และมีด จำนวน 1 เล่ม วางอยู่ข้างตอไม้
คณะเจ้าหน้าที่ ได้สอบถามชายทั้งสองคน ทราบว่า นายสมพงษ์ รับเป็นเจ้าของเลื่อยโซ่ยนต์ ได้รับการว่าจ้างจากนางนอม ราษฎรบ้านปอยเดิร หมู่ที่ 8 ตำบลสวาย อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ ให้เข้ามาตัดไม้ในที่ดินบริเวณดังกล่าว ซึ่งนางนอม อ้างว่าเป็นไม้ที่อยู่ในที่ดินโฉนด ให้ตัดเพื่อที่จะได้ปรับปรุงพื้นที่ทำการเกษตร โดยนำไม้ไปขาย แล้วแบ่งเงินกันในอัตรา 2/1 หมายถึง เมื่อนำไม้ไปขายได้ 3 รถ จะต้องแบ่งให้นางนอมฯ 1 รถ ซึ่งนายสมพงษ์ ได้เข้ามาตัดไม้ตั้งแต่ประมาณวันที่ 13 พฤศจิกายน 2567 ส่วนนายธวัชชัย เป็นผู้ร่วมยกไม้ขึ้นรถ ซึ่งได้เข้ามาในพื้นที่เกิดเหตุ วันนี้เป็นวันแรก คณะฯ จึงได้ประสานนายประหยัด เครื่องทองใหญ่ ผู้ใหญ่บ้านปอยเดิร มาตรวจสอบที่เกิดเหตุและสอบถามข้อมูล ทราบว่า บริเวณที่นายสมพงษ์ ตัดไม้เป็นที่ดินของนางนอม ซึ่งมีเอกสารการครอบครองคือ ส.ป.ก. 4-01 และทราบว่า นางนอม เป็นผู้ว่าจ้างนายสมพงษ์ มาตัดไม้บริเวณดังกล่าว คณะเจ้าหน้าที่พิจารณาแล้วเห็นว่า การกระทำดังกล่าวของนายสมพงษ์ นายธวัชชัย และนางนอม เป็นการกระทำผิดกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 11,69 ฐาน “ร่วมกันทำไม้หวงห้าม ร่วมกันมีไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูป โดยไม่มีรอยตราค่าภาคหลวงหรือรอยตรารัฐบาลขาย ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จากพนักงานเจ้าหน้าที่” และตามพระราชบัญญัติเลื่อยโซ่ยนต์ พ.ศ.2545 มาตรา 4 ฐาน “มีและใช้เลื่อยโซ่ยนต์ โดยไม่ได้รับอนุญาต จากนายทะเบียน”
จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าวให้นายสมพงษ์ และนายธวัชชัย และให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา คณะเจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึด ไม้เหียง จำนวน 19 ท่อน ปริมาตรา 1.475 ลูกบาศก์เมตร คิดเป็นเงินค่าภาคหลวง 59.00 บาท คิดเป็นมูลค่าความเสียหายต่อรัฐประมาณ 14,750 บาท โดยใช้ดวงตรา ต.9669 ย.696 ปีย่อ 67 เลขเรียง 140-158 ตีประทับไว้ที่หน้าตัดของไม้ และตรวจยึดอุปกรณ์ การกระทำผิด (รายละเอียดปรากฏตามบัญชีไม้ของกลาง แผนที่สังเขป และบัญชีอุปกรณ์การกระทำผิด แนบท้ายบันทึกนี้) มอบเรื่องราวให้นายไกรศรี มณีอ่อน เจ้าพนักงานป่าไม้อาวุโส เป็นผู้กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรสวาย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้จักได้ประสานเจ้าหน้าที่ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมมาตรวจสอบพื้นที่ เพื่อความถูกต้องชัดเจน และเป็นธรรมต่อทุกฝ่ายต่อไป
เจ้าหน้าที่ได้กระทำตามอำนาจหน้าที่มิได้บังคับ ขู่เข็ญ ทำร้ายร่างกาย เรียกร้องทรัพย์สินเงินทอง หรือทำให้ให้ทรัพย์สิน เงินทอง ของผู้หนึ่งผู้ใด เสียหาย สูญหาย หรือเสื่อมค่า แต่อย่างใด อ่านให้ นายสมพงษ์ และนายธวัชชัย ฟังแล้วรับว่าถูกต้อง เป็นความจริงทุกประการ จึงได้ร่วมกันลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐานและผู้จับกุมได้มอบสำเนาบันทึกจับกุมให้กับผู้ถูกจับกุมด้วยแล้ว จำนวน 1 ชุด
คณะเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้ทำการบันทึกภาพและเสียงอย่างต่อเนื่องในขณะจับกุมและควบคุมตัว จนกระทั่งส่งตัวให้กับพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรสวาย อ.เมือง จ.สุรินทร์ และได้แจ้งให้ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองสุรินทร์ ทราบในการจับกุมครั้งนี้ด้วยแล้ว