พลเมืองดีตระครุบหนุ่มสิ้นคิด วิ่งราวทอง หนัก 4 บาท ร้านทองในห้างดังย่านดาวคะนอง

เมื่อวันที่ 19 พ.ย. พ.ต.อ.ฉัฐกิตติ์ ผดุงจันทร์ธนัย ผกก.สน บุคคโล พ.ต.ท.ประเสริฐ์ จันทร์อักษร รอง ผกก.สส.สน.บุคคโล พ.ต.ท.พฤฒ แก่นวงศ์ รอง ผกก.ป.สน.บุคคโล พร้อมเจ้าหน้าที่สายตรวจ และฝ่ายสืบสวน สน.บุคคโล ร่วมกันจับกุมตัว นายธนุส (สงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี ชาว จ.กาฬสินธุ์ ผู้ต้องหา "วิ่งราวทรัพย์" พร้อมด้วยของกลาง สร้อยคอทองคำ 3 เส้น น้ำหนัก 4 บาท ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าเสื้อคลุม สีดำ ด้านหน้า ข้างซ้ายมือของผู้ต้องหาขณะเข้าตรวจค้นจับกุม โดยจับกุมได้บริเวณริมฟุตปาทปากซอยสมเด็จพระเจ้าตากสิน 40 แขวงดาวคะนอง กทม. เมื่อวันที่ 18 พ.ย.67 เวลาประมาณ 15.30 น.


สืบเนื่องจากชุดจับกุมได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุบุคคโล แจ้งว่ามีเหตุวิ่งราวทรัพย์สร้อยคอทองคำ เหตุเกิดที่ห้างทองเพชรทองใบ เยาวราช สาขาห้างบิ้กซีดาวคะนอง แขวงดาวคะนอง เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร จากการตรวจสอบพบว่าคนร้ายเป็นชายหนึ่งคน รูปร่างสันทัด สวมเสื้อคลุมสีดำ มีฮู้ดคลุมศีรษะ นุ่งกางเกงยีน หลังก่อเหตุ ได้เดินเท้าหลบหนีไปตามถนนสมเด็จพระเจ้าตากสินขาเข้า จึงได้รายงานผู้บังคับบัญชาทราบ นำกำลังสกัดจับกุมคนร้าย 

ต่อมาเมื่อเจ้าหน้าที่ได้เดินทางมาถึงบริเวณปากซอยสมเด็จพระเจ้าตากสิน 40 ใกล้กับห้างบิ้กซีดาวคะนอง พบนายธนุส หรืออาร์ท ลักษณะมีพิรุธต้องสงสัย กำลังวิ่งหลบหนีออกมาจากห้างบิ้กซี ฯ มีตำหนิรูปพรรณตรงกับคนร้ายที่ก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์ดังกล่าว และมีประชาชน พลเมืองดีวิ่งไล่ติดตามส่งเสียงร้องและช่วยกันจับกุมตัว นายธนุส (สงวนนามสกุล)ไว้ได้ ส่วนพลเมืองดีทั้ง 2 รายทราบชื่อคือ นายปริญญา (สงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี และนายบรรลือชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 24 ปี 


จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับว่าตนได้ก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์สร้อยคอทองคำจากร้านค้าทองเพชรทองใบ เยาวราช สาขาบิ้กซีดาวคะนองจริง เมื่อทำการขอตรวจค้นพบ สร้อยคอทองคำของกลาง ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าเสื้อคลุมสีดำ ที่นายธนุสฯ สวมใส่อยู่ โดยรับว่าเป็นสร้อยคอทองคำ ที่ตนได้วิ่งราวทรัพย์มาจริง โดยตนได้เข้าไปทำทีเลือกซื้อสร้อยทอง และขอให้พนักงานนำสร้อยออกมาให้ทดลองใส่จำนวน 3 เส้น เมื่อสบโอกาสได้คว้าเอาสร้อยทองดังกล่าว หลบหนีวิ่งออกมาจากห้างบิ้กซี จนมาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัว


เบื้องต้นจึงแจ้งข้อหาวิ่งราวทรัพย์ ก่อนนำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สน.บุคคโล เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป