วันที่ 19 พ.ย.67 เมื่อเวลา 12.45 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงข้อสั่งการของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า มีข้อสั่งการและข้อตำหนิในที่ประชุม ครม. ซึ่งการประชุม ครม.ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายในการออกกฎหมายรอง จึงมีการเร่งเสนอข้อกฎหมายต่างๆ เข้ามา โดยมีหน่วยราชการส่งมากระชั้นชิด ทำให้ ครม.ไม่สามารถพิจารณาได้อย่างรอบคอบ หลายเรื่องที่ต้องใช้มติ ครม.ไม่สามารถดำเนินการได้ นายกฯจึงตำหนิหน่วยงานต่างๆ ที่ปล่อยปละละเลย จนทำให้เกิดปัญหา เพราะบางเรื่องมีเวลาเตรียมการมาแล้วหลายปี และขอให้หน่วยงานให้ความสนใจในการวางแผนในการดำเนินการเรื่องกฎหมาย เพื่อให้ ครม.มีเวลาพิจารณาอย่างเหมาะสม และไม่ให้ประชาชนเสียประโยชน์
นายจิรายุ กล่าวว่า นอกจากนี้ ในที่ประชุม ยังมีเรื่องการติดตามผลการประชุมเอเปค ที่ประเทศเปรู ซึ่งนายกฯมีข้อสั่งการให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการต่างประเทศ เร่งจัดทำข้อตกลงการค้า FTA ระหว่างไทยกับเปรู ปัจจุบันดำเนินการไปแล้ว 70% แต่ขอเร่งให้เสร็จภายในปี 68 เพื่อให้เกิดการค้าระหว่างสองประเทศได้ ขณะเดียวกัน มีข้อสั่งการให้กระทรวงคมนาคมหาร่วมมือวางยุทธศาสตร์การขนส่งสินค้าจากโครงการแลนด์บริดจ์กับท่าเรือชานคาย ประเทศเปรู
นายจิรายุ กล่าวอีกว่า นายกฯสั่งการให้กระทรวงพาณิชย์หาความร่วมมือกับแพลตฟอร์ม TikTok เพื่อเป็นช่องทางขายสินค้าออนไลน์ ให้กับธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก รวมถึงสินค้าโอท็อปของประเทศไทย ซึ่งผู้บริหาร TikTok ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก หากสามารถขายสินค้าไทยในแพลตฟอร์มต่างๆ ได้ จะสร้างรายได้เป็นจำนวนมาก
โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า นายกฯขอให้กระทรวงแรงงานและกระทรวงศึกษาธิการประสานความร่วมมือกับบริษัทต่างๆ อาทิ Western Digital, Google และ Microsoft ในการฝึกทักษะแรงงาน ให้แก่นักเรียน และนักศึกษาในอุตสาหกรรมใหม่ ซึ่งนายกฯได้กล่าวว่าการศึกษาด้านการบริหารดีอยู่แล้ว แต่เทคโนโลยีสมัยใหม่ ทั้งเรื่องดิจิทัลและเอไอ น่าจะเป็นสิ่งที่ควรจะศึกษาต่อไปในอนาคต นอกจากนี้ นายกฯสั่งการให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมประสานงานกับ Google หาความร่วมมือเรื่องความปลอดภัยทางไซเบอร์ เพื่อลดปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ โดยกำชับให้หน่วยงานราชการต่างๆ จับกุม
โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวอีกว่า นายกฯ ยังได้สั่งให้กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงวัฒนธรรม เร่งความร่วมมือกับบริษัทภาพยนตร์ของสหรัฐอเมริกา สืบเนื่องจากนายกฯได้หารือกับสมาคมผู้ผลิตภาพยนตร์สหรัฐฯ จึงเห็นว่าควรยกระดับทักษะและเทคโนโลยีในการผลิตภาพยนตร์ รวมถึงการถ่ายทำในประเทศไทย นอกจากนี้ ยังสั่งการให้ทุกกระทรวงที่มีสำนักงานในต่างประเทศบูรณาการทำงานร่วมกันในฐานะทีมไทยแลนด์ นำไปสู่การต่างประเทศเชิงรุกเพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน โดยเฉพาะสถานทูตและกงสุลต้องดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศเข้าสู่ประเทศไทย อีกทั้งยังสั่งให้กระทรวงมหาดไทยที่มีการจัดงานผ้าและหัตถกรรมตามแนวพระราชดำริผ้าไทยใส่ให้สนุก โดยให้หน่วยราชการส่งเสริมการใส่ผ้าไทยในการทำงานของส่วนราชการ
นายจิรายุ กล่าวว่า จากการแถลงตัวเลขจีดีพี นายกฯได้กำชับในที่ประชุม ครม.เป็นข้อสั่งการว่าขอให้ส่วนราชการต่างๆ ร่วมกันกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการทำนโยบายต่างๆ ให้ประชาชนสัมผัส และเชื่อว่าในปี 68 เศรษฐกิจของไทยจะกลับมาคึกคัก