วันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ.2567 ที่วิทยาลัยเทคโนโลยีภาคตะวันออกเฉียงเหนือสกลนนคร นายพิสิษฐ์ แร่ทอง รอง ผวจ.สกลนคร เป็นประธานในพิธีส่งมอบ อุปกรณ์เครื่องช่วยความพิการ ประจำปึงบประมาณ พ.ศ. 2567 ซึ่งนายชูพงศ์ คำจวง นายก อบจ.สกลนคร กล่าวว่า สืบเนื่องมาจากมีการโอนถ่าย รพ.สต.เข้ามาอยู่ในสังกัด อบจ.สกลนคร จำนวน 149 แห่ง จาก 168 แห่ง ทำให้ อบจ.จัดทำโครงการศูนย์ยืมอุปกรณ์เครื่องช่วยความพิการเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพ และโครงการพัฒนาระบบบริหารจัดการเพื่อดูแลคนพิการ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียงและผู้ที่จำเป็นต้องได้รับการฟื้นฟูสมรรถภาพ อุปกรณ์เครื่องช่วยความพิการผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียงและผู้ที่จำเป็นต้องได้รับการฟื้นฟูสมรรถภาพ
โดยคณะอนุกรรมการกองทุนพื้นฟูสมรรมภาพจังหวัดสกลกลนคร จึงได้จัดหาอุปกรณ์เครื่องช่วยความพิการ สนับสนุนการอุปกรณ์ทางการแพทย์ฯ งบประมาณ 10,311,250 บาท เช่น ไม้ค้ำยันอลูมีเนียม,ไม้ค้ำยันแบบไม้,ไม้เท้า 3 ขา,เบาะรองนั่งสำหรับคนพิการ,ที่นอนลม, วีลแชร์พับได้,รถสามล้อโยก,นอกจากนี้ยังมี เกจ์ออซิเจน,เก้าอี้สุขา, วอล์คเกอร์,ไม้เท้า 3 ปุ่ม,ไม้เท้า 4 ปุ่ม,สายออกซิเจน,เครื่องผลิตออกซิเจน ขนาด 5 ลิตร,เตียงนอน 3 ไกร์, เครื่อง Suction, และรถเข็นนั่งเด็กพิการ เป็นต้น
ด้าน ดร.ชูพงศ์ คำจวง นายก อบจ.สกลนคร กล่าวด้วยว่า โครงการจัดหาเครื่องมืออุปกรณ์การแพทย์ดังกล่าว เพื่อให้ รพ.สต.ที่อยู่ในสังกัดนำไปให้บริการแก่ผู้พิการ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียงยืมใช้เพราะอุปกรณ์เครื่องช่วยความพิการเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพ สามารถพัฒนาระบบบริการฟื้นฟูสมรรถภาพได้ ทั้งยังพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ผู้สูงอายุ ผู้ที่อยู่ในระยะที่จำเป็นต้องได้รับการฟื้นฟูสมรรถภาพ ช่วยเหลือแก่กลุ่มเป้าหมายให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ซึ่งนอกจากเป็นศูนย์กลางที่มีความพร้อมในการสนับสนุนวัสด, อุปกรณ์ครุภัณฑ์ที่ใช้ในการฟื้นฟูสมรรถภาพและการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับการฟื้นฟูฯ และหลังการฟื้นฟูสมรรถภาพให้แก่กลุ่มคนเหล่านี้ คือ คนพิการ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยที่อยู่ในระยะกึ่งเฉียบพลันและผู้ที่มีภาวะพึ่งพิง การฟื้นฟูสมรรถภาพจึงให้ประโยชน์ทั้งต่อตัวผู้ป่วยและสังคม การฟื้นฟูสมรรถภาพสามารถช่วยหลีกเลี่ยงการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูง ลดระยะเวลาในการรักษาตัวในโรงพยาบาล และป้องกันการกลับมาเข้ารับการรักษาซ้ำ เนื่องจากการฟื้นฟูสมรรถภาพยังช่วยให้ผู้ป่วยสามารถกลับไปทำงานหรือประกอบอาชีพได้ หรือสามารถอยู่ที่บ้านได้ด้วยตนเอง จึงช่วยลดความจำเป็นในการได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากครอบครัว