"ตร.กองปราบฯ" หิ้ว "กฤษอนงค์" ฝากขังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พร้อมค้านประกัน เจ้าตัวสีหน้าเรียบเฉย ไหว้สื่อ ยิ้มอ่อน ขณะที่ "ทนายบอสพอล" ส่งทีมมาค้านประกันซ้ำ ยันมีพฤติกรรมยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน "ฟิล์ม" ไขก๊อกพ้น "พปชร." หลังคลิปหลุดเรียกเงิน "บอสดิไอคอน" ด้าน "รอง ผบช.ก." ขอเวลา 10 วัน คดี "ฟิล์ม-กฤษอนงค์" มีความชัดเจน ส่วนคดี "นาย ส." พบเส้นเงินใหม่จากบัญชีแม่อีก 10 ล้าน หากดำเนินคดีไม่ได้ จ่อทำรายงานสอบสวนให้ดีเอสไอ

 ที่อาคารประชาอารักษ์ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เมื่อวันที่ 18 พ.ย.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัว น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ หรือ เจ๊พัช ประธานอำนวยการศูนย์ประสานงานส่งเสริมเครือข่าย-ออนไลน์ ผู้ต้องหาในข้อหา “กรรโชกทรัพย์” และ “ตัวกลางเรียกรับสินบน” จากกรณีแอบอ้างเรียกเงินจากกลุ่มผู้ต้องหาเครือข่ายดิไอคอน ขึ้นรถตู้ 1 คัน ของ บก.ป. เพื่อไปทำการฝากขังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ตามขั้นตอนทางกฎหมาย

 โดยระหว่างคุมตัวผู้ต้องหา น.ส.กฤษอนงค์สวมเสื้อคอปกสีฟ้าปกสีชมพู และเสื้อคลุมทับสีกรมท่า กางเกงยีน พร้อมยกมือไหว้สื่อมวลชนขณะเดินออกมาจากตัวอาคารประชาอารักษ์ ซึ่งน.ส.กฤษอนงค์มีสีหน้าเรียบเฉย แต่ในบางช่วงก็มียิ้มอ่อนให้กับสื่อมวลชน และไม่ได้กล่าวอะไร แม้สื่อมวลชนพยายามสอบถามในทุกประเด็น เบื้องต้นมีรายงานว่าท้ายคำร้อง พนักงานสอบสวนจะคัดค้านการประกันตัว

 มีรายงานด้วยว่า นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของ นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล จะส่งทีมทนายความมาขอคัดค้านการประกันตัวของน.ส.กฤษอนงค์ ด้วยเนื่องจากมีพฤติกรรมไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน เพราะก่อนหน้าที่จะมีการจับกุมประมาณ 1 อาทิตย์ น.ส.กฤษอนงค์มีการเปิดเผยพยานทางฝั่งดิไอคอนผ่านทางเฟซบุ๊ก ทำให้เกรงว่าถ้าได้ประกันตัวไปจะไปยุ่งเหยิงกับพยานอีก และยังพบพฤติกรรมว่า มีการเปิดหน้าพยานในไลน์โอเพนแชตของเธอ มีการโพสต์ การพูดคุกคามพอสมควร ซึ่งทางทีมทนายความได้เก็บหลักฐานไว้ทั้งหมดแล้ว
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือ "ฟิล์ม รัฐภูมิ" อดีตรองโฆษก และอดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐแล้วเมื่อวันที่ 15 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยเป็นการยื่นลาออกต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) หลังมีคลิปเสียงพัวพันการแอบอ้างชื่อพิธีกรรายการข่าวดังกรณีดิไอคอนกรุ๊ป

ต่อมา พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. และพ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าประชุมติดตามหารือคดีสำคัญ 6 เรื่อง โดย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยว่า วันนี้มีการประชุม 6 เรื่อง ประกอบด้วยเรื่องของ น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ 4 เรื่อง มีในเรื่องของการเรียกรับ 300,000 กับ 450,000 บาท จนถูกออกหมายจับไปแล้ว, เรื่องที่ 2 เป็นเรื่องของนายภูดิท กำเนิดพลอย หรือหนุ่ม กรรชัย ที่แจ้งความเรื่องหมิ่นประมาททั้งกับตัวน.ส.กฤษอนงค์ และนายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือฟิล์ม, เรื่องที่ 3 เป็นเรื่องของน.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่แจ้งความเอาผิดน.ส.กฤษอนงค์ ในเรื่องหมิ่นประมาท และเรื่องที่ 4 เป็นเรื่องที่น.ส.กฤษอนงค์และ ฟิล์มรัฐภูมิ มีการเรียกรับเงินจากนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล กับน.ส.ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร หรือบอสปัน จำนวนเงิน 20 ล้าน ซึ่งในคดีนี้ผู้เสียหายจะมอบอำนาจให้ทนายความเดินทางมาแจ้งความในวันพรุ่งนี้

 เรื่องที่ 5 เป็นเรื่องของนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ หรือ เอกสายไหมต้องรอด ในเรื่องนี้มีความคืบหน้าไปแล้วประมาณแล้ว 80-90% ถ้าไม่ติดปัญหาอะไร จะมีความชัดเจนภายในสัปดาห์นี้ ทั้งนี้ขอให้ทางพนักงานสอบสวนเป็นผู้พิจารณาทุกอย่าง ส่วนตัวพยานจะโดนด้วยหรือไม่ และจะเข้าข่ายในเรื่องอะไรบ้างนั้นก็ให้ทางพนักงานสอบสวนเป็นผู้พิจารณา อย่างไรก็ตามจะต้องมีการหารือร่วมกับพล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. ก่อนว่าเนื้อหาในสำนวนมีอะไรขาดตกบกพร่องบ้างหรือไม่ แต่ยืนยันว่า จะมีการดำเนินตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างแน่นอน เนื่องจากสร้างความตื่นตระหนกให้แก่สังคม
 
และเรื่องที่ 6 เรื่องของนาย ส.เสือ (นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช) ซึ่งได้ข้อมูลใหม่ เป็นการโอนเงินจากบัญชีแม่ของนาย ส.เสือ ไปถึงตัวของนาย ส.เสือ กว่า 10 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 64-67 ตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ซึ่งหากถ้าไม่มีผู้ร้องทุกข์แจ้งความก็อาจจะดำเนินการได้ในฐานะที่นายส.เสือ เป็นเจ้าหน้าที่รัฐในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ก็จะเข้าข่ายความผิดคดีอาญาทุจริต อย่างไรก็ตามจะต้องมีการนำไทม์ไลน์ของการโอนเงินและระยะเวลาในการรับตำแหน่งมาตรวจสอบอีกครั้ง จึงต้องขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำงานในส่วนนี้ หากผลสรุปแล้วไม่สามารถดำเนินคดีได้ก็จะเขียนเป็นรายงานสืบสวนส่งให้ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ ดีเอสไอ ดำเนินคดีข้อหาฟอกเงิน

 พ.ต.อ.เอนก กล่าวว่า ในส่วนคดีของ ฟิล์มกับน.ส.กฤษอนงค์ กับเคสอื่นของน.ส.กฤษอนงค์ ขอเวลาทำงาน 10 วัน เพราะต้องมีการเก็บพยาน และสอบปากคำพยานและบุคคลที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีกหลายปาก โดยในส่วนที่เป็นคดีของบอสดิไอคอนนั้น หากมีใบมอบอำนาจมาแจ้งความก็สามารถดำเนินการได้เลย โดยในส่วนนี้หากแจ้งความ อาจจะเป็นในส่วนของนิติบุคคลในนามบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป ซึ่งต้องมาถอดคลิปเสียง แล้วก็ต้องมาพิจารณา หากพบว่าเป็นการหลอกให้โอนเงิน 20 ล้านบาท ก็จะเข้าข่ายข้อหาพยายามฉ้อโกง แต่หากพบว่ามีการพูดข่มขู่ก็จะเข้าข่ายข้อหากรรโชกทรัพย์ ส่วนจะเป็นหมายเรียกหรือหมายจับต้องอยู่ในดุลพินิจการพิจารณากันอีกครั้ง.