วันที่ 18 พ.ย.67 ที่สภ.บางศรีเมือง จ.นนทบุรี นายเจริญรัตน์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี พร้อมภรรยา ได้เดินทางมาร้องขอความเป็นธรรมกับ ดร.ปรเมศร์ ชัยพัชรกุลพงษ์ หรือ ดร.แก้ว ประธานกิตติมศักดิ์ กต.ตร.จังหวัดนนทบุรี , ผู้ก่อตั้งเพจ “ดร.แก้วช่วยได้” และ พ.ต.ท.เศรษฐหาญ เศรษฐภากรณ์ รอง ผกก.สส.บางศรีเมือง ว่าเมื่อวันที่ 10 พ.ย. ที่ผ่านมา เกิดเหตุรถยนต์เฉี่ยวชนกัน ผู้เสียหายได้มีปากเสียงกับคู่กรณี ฝั่งคู่กรณีได้โทรเรียกผู้ชาย 1 คน ที่คาดว่าน่าจะเป็นสามีให้มาที่เกิดเหตุ เมื่อมาถึงก็ไม่พูดอะไร เข้ามาทำร้ายร่างกายโดยการชกต่อย ทำให้ต่างหูเพชร มูลค่า 12,000 บาท ที่หูฝั่งซ้าย ตกหล่นหายไป เหตุเกิดบริเวณถ.ราชพฤกษ์ (ขาออก) ช่วงทางโค้งเลี้ยวเข้าถ.รัตนาธิเบศร์ ต.บางรักน้อย อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้คลิปที่พลเมืองดีถ่ายไว้เมื่อวันที่10พ.ย.ที่ผ่านมาได้มีการทำร้ายร่างกายกันแล้ว โดยในคลิปเป็นภาพที่มีการยืนโต้เถียงกันอยู่
นายเจริญรัตน์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี ผู้เสียหาย เจ้าของรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อเมอร์เซเดส-เบนซ์ สีขาว กล่าวว่า ตนขับรถเกิดอุบัติเหตุ บริเวณถ.ราชพฤกษ์ ซึ่งคู่กรณีเป็นหญิง อายุประมาณ 40 ปี ขับรถยนต์อเนกประสงค์ ยี่ห้อมาสด้า สีเทา ได้มีการโทรเรียกผู้ชาย 1 คน ที่คาดว่าเป็นสามี ให้มาที่เกิดเหตุ ซึ่งเมื่อมาถึงยังไม่ทันได้พูดคุยอะไรกันก็เข้ามาผลักอกและตบหน้าตน โดยตนก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรเนื่องจากภรรยาของตนได้ห้ามไว้ จากเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ต่างหูเพชรฝั่งซ้ายของตนหลุดหายไป 1 ข้าง ตนบอกให้คู่กรณีช่วยหาแต่หาไม่เจอ จึงโทรแจ้งตำรวจ แต่จังหวะนั้นผู้ชายคนดังกล่าวได้หลบหนีไป ตนจึงได้เดินทางมาลงบันทึกประจำวันไว้และไปตรวจร่างกาย ซึ่งในตอนนี้รู้สึกห่วงความไม่ปลอดภัย เพราะทราบว่าคู่กรณีทำงานเป็นข้าราชการอยู่ที่เทศบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดนนทบุรี และขณะเกิดเหตุหากคู่กรณีมีอาวุธปืนตนคงแย่ เหตุการณ์นี้มันเป็นอุบัติเหตุที่สามารถพูดคุยกันได้ แต่คู่กรณีที่เป็นผู้หญิงกลับด่าทอตนด้วยถ้อยคำหยาบคาย ตนก็ได้มีการด่ากลับเช่นกัน ก่อนที่คู่กรณีจะโทรตามผู้ชายคนที่ชกต่อยตนให้มาเคลียร์ จริงๆเรื่องแค่นี้เรียกประกันมาก็จบ และรถไม่ได้เป็นอะไรมาก รถพังก็ซ่อมได้แต่ไม่ควรมาทำร้ายร่างกายตนแบบนี้
ด้าน ดร.แก้ว กล่าวว่า จากที่ตนได้รับการร้องเรียน เบื้องต้นได้ประสานกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสภ.บางศรีเมือง เพื่อทำการติดตามตัวคู่กรณี ให้มารับทราบข้อกล่าวหา ในส่วนของความปลอดภัยตนได้มอบหมายให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแล อยากให้ทางผู้เสียหายสบายใจ และต้องขอบคุณที่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองในขณะเกิดเหตุได้มิเช่นนั้นจะไม่ใช่แค่คดีจราจร ซึ่งเหตุการณ์อาจจะบานปลายมากกว่านี้ และหากคู่กรณีเป็นข้าราชการจริงก็จะมีความผิดในเรื่องด้านจริยธรรมอีกด้วย
เบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แบ่งคดีเป็น 2 ส่วน คือคดีจราจรและคดีอาญา ในส่วนของคดีจราจร ได้มีการตกลงกันได้และเปรียบเทียบปรับ ยุติเรียบร้อยแล้ว แต่ในส่วนคดีทำร้ายร่างกาย ได้มีการสอบปากคำผู้เสียหายและส่งตัวไปตรวจร่างกาย พร้อมมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ติดตามผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป