เมื่อเวลา 13.20 น. วันที่ 16 พ.ย. ที่บริเวณด้านหน้ากองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนตามคำนัดหมาย เพื่อให้ปากคำในคดีของนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ฉ้อโกงเงินของ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือ เจ๊อ้อย 

นายรณณรงค์ กล่าวว่า วันนี้ตำรวจสอบสวนกลางเรียกมาสอบปากซึ่งยังไม่ทราบว่าจะเกี่ยวกับประเด็นใดในคดีของทนายตั้ม ซึ่งที่ผ่านมาจำรายละเอียดไม่ได้ว่าทนายตั้มเคยเล่าให้ฟังเรื่องใดบ้าง คาดว่าประเด็นที่จะถูกสอบสวนในวันนี้เกี่ยวกับเรื่องของไทม์ไลน์ที่เกี่ยวข้องกับการเงินของทนายตั้ม

ซึ่งที่ผ่านมาทนายตั้มเคยชวนตนเองไปกินไวน์ที่บ้านแต่ตนเองก็ยังไม่เคยไป ส่วนตัวรู้สึกแปลกใจเรื่องเงินค่าซื้อบ้านแต่ก็ไม่เคยถาม เพราะค่าจ้างทนายของทนายตั้มมีราคาแพง แม้จะค่าจ้างแพงแต่รายได้ก็ถือว่ากระโดดกว่าทนายทั่วไปที่เพิ่งตั้งสำนักงานขึ้นมา เพราะหากเปิดสำนักงานไปได้สัก 10 ปี แล้วมีค่าจ้างราคานี้ก็ไม่แปลกใจ แต่พึ่งมาเปิดสำนักงานและรับราคานี้ก็น่าแปลกใจอยู่ ทั้งนี้หากดูจากค่าจ้างในการเป็นทนายก็ยังอยู่ในวิสัยที่ซื้อบ้านราคานี้ได้ “ทนายที่รวยกว่าทนายตั้มก็มี ยากดีมีจนวัดอะไรไม่ได้ คนบางคนทำสุจริตก็รวยมีตั้งเยอะแยะไป” 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าทนายตั้มเคยเล่าเรื่องเจ๊อ้อยให้ฟังหรือไม่ นายรณณรงค์ กล่าวว่า จำไม่ได้ว่าเคยพูดให้ฟังหรือไม่เพราะไม่ได้สำคัญ เป็นลักษณะของการนั่งกินข้าว และไม่เคยเล่าไม่เคยเปรยอะไรเกี่ยวกับเจ๊อ้อยเลย ส่วนตนเองก็ไม่ได้รู้จักมาก่อนเพิ่งมารู้จักพร้อมนักข่าวเช่นกัน 

โดยในวันที่ทนายตั้มและภรรยาถูกจับ ตนเชื่อว่าทั้งคู่ ไม่ได้จะไปปฎิบัติธรรมที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดปราจีนบุรี แต่คาดว่าน่าจะเป็นวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดจันทบุรี ซึ่งวัดแห่งนี้อยู่ใกล้กับตะเข็บชายแดน เพราะตนเคยไปปฎิบัติธรรมกับ ทนายตั้มที่วัดแห่งนี้มาก่อน 

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับทนายตั้ม ยอมรับว่าทำให้วงการทนายความเสื่อมเสียซึ่งสังคมและมีทนายหลายคนด่าก็ไม่ใช่เรื่องแปลกพิสดารแต่อย่างใด ส่วนความสัมพันธ์ของตนเองและทนายตั้มยืนยันว่าเป็นเพื่อนที่เคยสนิทกัน ทั้งที่ความจริงแล้ว ทนายตั้มมีเพื่อนที่เป็นทนายความอยู่หลายคนแต่ตนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมพนักงานสอบสวนถึงเรียกตนมาให้ปากคำในฐานะพยาน  ส่วนการจะเข้าไปเยี่ยม ทนายตั้มที่เรือนจำนั้นต้องรอให้สถานการณ์นิ่งก่อนถึงจะเข้าไป ส่วนทนายตั้มจะเจอตนเองหรือไม่นั้นก็เป็นเรื่องของทนายตั้ม