นงลักษณ์ บุญผ่อง” ผู้ผลิต และจัดจำหน่ายสบู่แฮนด์เมด ภายใต้แบรนด์เรทเต้ เล่าว่า ตนเองทำสบู่เรทเต้ มามากกว่า 10 ปี เริ่มจากเป็นกิจการเล็กภายในครอบครัว ส่วนสบู่ที่ทำก็เป็นสูตรที่คิดค้นกันขึ้นมาเอง โดยเน้นการเลือกใช้วัตถุดิบผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่มาจากธรรมชาติ เพราะต้องการสบู่ที่เป็นงานแฮนด์เมดจากธรรมชาติ ลดการใช้สารเคมี เพื่อให้สบู่สามารถตอบโจทย์ผู้ใช้ได้ทุกกลุ่มทุกเพศ ทุกวัย ตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้ใหญ่ เพราะวัตถุดิบจากธรรมชาติหลายๆ ตัวมีคุณสมบัติที่ดีต่อผิวของทุกคน และยังสามารถใช้ได้ทั้งใบหน้า และลำตัว
พอพูดถึง “สบู่” ต้องบอกว่าช่วยพลิกชีวิตพ่อค้า แม่ค้า ออนไลน์ให้กลายเป็นเศรษฐีเงินล้านมานักต่อนักแล้ว ซึ่งหลายคนเริ่มต้นการเป็นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ จากสินค้าตัวแรก นั่นคือ “สบู่” จนถึงปัจจุบันนักขายหลายคนก็ยังคงขายสบู่เพียงอย่างเดียว และสามารถสร้างธุรกิจแบบยั่งยืนได้
เรทเต้ สบู่โอทอปสร้างยอดขายหลักล้านก้อนครั้งนี้ พามารู้จัก กับ “สบู่แฮนด์เมด”อีกหนึ่งแบรนด์ ที่เจ้าของบุกเบิกมาจากกิจการทำสบู่เล็กภายในบ้าน และค่อยต่อยอดมาเป็นสินค้าโอทอป วันนี้ ประสบความสำเร็จ สร้างยอดขายหลักล้านก้อน แต่ยังคงให้ความสำคัญกับกระบวนการผลิต ที่เป็นแบบแฮนด์เมด เพื่อได้สร้างอาชีพ สร้างรายได้เสริมให้คนในชุมชน รวมถึงการเลือกวัตถุดิบจากแหล่งเพาะปลูกที่หาได้ในชุมชนเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรด้วย
“นงลักษณ์ บุญผ่อง” ผู้ผลิต และจัดจำหน่ายสบู่แฮนด์เมด ภายใต้แบรนด์เรทเต้ เล่าว่า ตนเองทำสบู่เรทเต้ มามากกว่า 10 ปี เริ่มจากเป็นกิจการเล็กภายในครอบครัว ส่วนสบู่ที่ทำก็เป็นสูตรที่คิดค้นกันขึ้นมาเอง โดยเน้นการเลือกใช้วัตถุดิบผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่มาจากธรรมชาติ เพราะต้องการสบู่ที่เป็นงานแฮนด์เมดจากธรรมชาติ ลดการใช้สารเคมี เพื่อให้สบู่สามารถตอบโจทย์ผู้ใช้ได้ทุกกลุ่มทุกเพศ ทุกวัย ตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้ใหญ่ เพราะวัตถุดิบจากธรรมชาติหลายๆ ตัวมีคุณสมบัติที่ดีต่อผิวของทุกคน และยังสามารถใช้ได้ทั้งใบหน้า และลำตัว
โดยในช่วงเริ่มต้น ได้มีการนำสบู่ของเราเข้าร่วมในโครงการ หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือ โอทอป ของจังหวัดอ่างทอง ที่สินค้าของเราได้คัดเลือกเข้าร่วมโครงการโอทอป เพราะสบู่ของเราใช้การผลิตแบบแฮนด์เมด และเราก็เลือกที่จะใช้แรงงานคนในชุมชน และใช้พืชผลการเกษตรกรในพื้นที่ด้วย ช่วยสร้างรายได้เสริมให้คนในชุมชน และ เกษตรกร พอได้ขึ้นทะเบียนเป็นสินค้าโอทอป ทำให้การทำตลาดในช่วงแรก เริ่มทำตลาดจากการออกร้านในงานแสดงสินค้าโอทอป เป็นหลัก พอคนรู้จักเยอะขึ้น และหลายคนที่ได้ใช้นำสบู่เรทเต้ และใช้ได้ดี ก็เลยเกิดการบอกต่อ และเป็นที่มาของการมีตัวแทนจำหน่ายในช่วงเวลาต่อมา
นอกจากนี้ ในส่วนของคุณภาพของสบู่เรทเต้ของเรา การันตรีคุณภาพด้วยรางวัลสุดยอดโอทอป 5 ดาวของจังหวัดอ่างทอง และยังได้แชมป์การประกวดผลิตภัณฑ์ระดับมหาวิทยาลัยภาคกลางด้วย โดยผ่านการผลิตที่ได้มาตรฐาน สามารถใช้ได้ทั้งใบหน้าและลำตัว รวมถึง สบู่ยังไม่มีส่วนผสมที่เป็นอันตรายกับเด็ก ทำให้สบู่เรทเต้สามารถใช้ทุกเพศทุกวัย ซึ่งเป็นความตั้งใจ ตั้งแต่แรกที่ต้องการจะให้สบู่ของเราเป็นสบู่ที่ใช้แล้วอ่อนโยนต่อผิว เพื่อให้ทุกคนในครอบครัวใช้ได้
นงลักษณ์ เล่าถึงการทำตลาดในช่วงแรก ว่า สำหรับลูกค้ากลุ่มแรกของตนเอง คือ นักเรียน โดยได้ขายสบู่ให้กับกลุ่มนักเรียนในโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดอ่างทอง ที่มีปัญหาเรื่องสิวที่เกิดจากฮอร์โมน ของเด็กๆ เพราะเด็กที่กำลังก้าวขึ้นมาเป็นวัยรุ่น เด็กเหล่านี้จะมีปัญหาเรื่องสิว ที่เกิดจากฮอร์โมน และบางคนไปซื้อผลิตภัณฑ์ตามท้องตลาดมาใช้และไม่ได้ผลก็จะมา ปรึกษาคุณครู ทางคุณครูเคยใช้สบู่ของเราอยู่ ก็เลยแนะนำให้เด็กได้ทดลองใช้ และปรากฏว่า ใช้แล้วได้ผลดี เด็กที่เคยซื้อสบู่จากทางออนไลน์มาและแพ้ พอได้มาใช้สบู่ของเราก็เลยเกิดการบอกต่อ ที่ผ่านมา ได้กลุ่มลูกค้าที่เป็นวัยรุ่น นักเรียนเยอะมาก
ทั้งนี้ ด้วยส่วนผสมที่มาจากธรรมชาติ และ ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ สารเคมี ทำให้ได้สบู่เรทเต้ที่อ่อนโยนต่อผิว ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น และสมานผิว ซึ่งเหมาะกับวัยรุ่นที่มีปัญหาเรื่องของสิวอักเสบ ที่ขึ้นตามใบหน้าและแผ่นหลัง สบู่ของเรา ก็จะไปช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวได้ จนถึงปัจจุบัน กลุ่มลูกค้าของเราส่วนใหญ่ก็ยังคงเป็นกลุ่มนักเรียน นักศึกษาในวัยที่เป็นสิวได้ง่ายจากฮอร์โมน และได้ตัวแทนจำหน่ายเป็นผู้ปกครอง และคุณครู ในโรงเรียนต่างๆ ทั่วประเทศ ด้วย
นงลักษณ์ เล่าถึงประสบการณ์ การทำตลาดในช่วงที่ผ่านมา ว่า ด้วยความที่ตั้งใจจะบุกตลาดออนไลน์ เพราะที่ผ่านมา อาศัยตัวแทน เป็นคนขับเคลื่อน ครั้งนี้ ตั้งใจที่จะหันมาทำตลาดออนไลน์ด้วยตัวเอง โดยได้ว่าจ้างอินฟลูเอนเซอร์ ทางโซเชียลฯ แต่ ผลที่ออกมาปรากฏว่า ทุกอย่างไม่ได้เป็นไปอย่างที่คาดหวัง เพราะจากการจ้าง บริษัทมาช่วยทำตลาดออนไลน์ สิ่งที่ได้ คือ มีคนมากดไลท์เยอะมากเป็นล้านราย ภายในเวลาแค่คืนเดียว แต่สิ่งที่ได้กลับมา คือ ไม่มีลูกค้าติดต่อเข้ามาเลย แม้แต่คนที่เข้ามาทักมาพูดคุยก็ยังไม่มี มีแต่ยอดไลท์ เราคิดว่า เราคงน่าจะโดนหลอก ครั้งนั้นหมดเงินไปเป็นหลักล้านบาท ทำให้ต้องระมัดระวังในการทำสื่อโฆษณาทางโซเชียลฯ ให้มากขึ้นด้วย